tag:blogger.com,1999:blog-71354443189606101632024-03-13T06:03:44.458+07:00ครูวันดี โต๊ะดำโรงเรียนบ้านหัวหิน อำเภอสิเกา จังหวัดตรังUnknownnoreply@blogger.comBlogger26125tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-11215393860534771672010-02-22T20:33:00.001+07:002010-02-22T20:53:54.553+07:00ใบงานที่ 14<strong><span style="color: magenta; font-size: large;">จุดเด่นของblogspot</span></strong> <br />
- เหมาะในการใส่มัลติมีเดียหลายๆๆๆๆๆๆๆๆชนิดเข้าด้วยกัน<br />
- ใช้ในทางธุรกิจได้ดีกว่าทางการศึกษา<br />
- เหมาะสำหรับการพัฒนาทักษะความสามารถในการสร้างแหล่งเรียนรู้ด้วยตนเองบนโลกไซเบอร์<br />
<span style="color: magenta; font-size: large;"><strong>จุดด้อยของblogspot </strong></span><br />
<br />
- ขาดการควบคุมดูแลจากเซิฟร์เวอร์ บาง่ครั้งมีการโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสม ทำให้บางครั้งไม่น่าดูไม่น่าชม<br />
- ความน่าเชื่อถือของบทความมีน้อยทำให้บางครั้งไม่สามารถนำไปอ้างอิงได้<br />
- เหมาะสำหรับคนที่มีทักษะในการใช้โปรแกรมหลายๆๆๆๆๆๆๆๆโปรแกรมแล้ว ไม่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใช้อินเตอร์เน็ต<br />
- บางครั้งการแก้ไขเทมเพลส ต้องไปแก้ codeที่ html ทำให้คนที่ไม่รู้เรื่อง ทำได้ยาก<br />
<strong><span style="color: lime; font-size: large;">ความแตกต่างระหว่าง blogspot และ gotokhow</span></strong><br />
1. <span style="color: lime;">gotoknow</span>มี การเชื่อมโยงเป็นชุมชนของความรู้ที่เรียกว่าแพลนเน็ต โดยมีคำหลักหรือป้ายในการบันทึกจัดกลุ่มให้ คล้ายกับ CoPS (community of practice) ที่รวม tacit khowledge ให้เป็น explicit khowledge เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานได้ แต่b<span style="color: magenta;">logspot</span> คนที่ติดตามเราอาจจะไม่ได้สนในเรื่องเดียวกัน แค่ติดตามอย่างเดียว<br />
2. คนที่เขียนบล็อก gotoknow ส่วนใหญ่จะมีอาชีพรับราชการ หรืออาชีพที่ชัดเจนแน่นอน เหมาะสำหรับคนวัยทำงานสามารถตรวจสอบได้เป็นแหล่งรวบรวมความรู้ทางวิชาการชั้นดี ความสามารถสร้างบล็อกได้มากกว่าหนึ่งบล็อกสำหรับผู้ใช้แต่ละคน(Multi-Blog) ขยายความ 1 Account สร้างกี่บล็อกก็ได้แต่มีเนื้อที่ให้รวม 30 MB แต่ blogspot เหมาะสำหรับการโพสต์ข้อความทั่วๆๆไป วัยไหนก็ไ ด้Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-38047344547840861202010-02-04T19:25:00.001+07:002010-02-04T19:26:27.956+07:00สไลด์ศึกษาดูงาน นครศรีธรรมราช-เวียงจันทร์<p style="visibility:visible;"><object type="application/x-shockwave-flash" data="http://widget-55.slide.com/widgets/slideticker.swf" height="320" width="426" style="width:426px;height:320px"><param name="movie" value="http://widget-55.slide.com/widgets/slideticker.swf" /><param name="quality" value="high" /><param name="scale" value="noscale" /><param name="salign" value="l" /><param name="wmode" value="transparent"/><param name="flashvars" value="cy=ms&il=1&channel=2666130979431632469&site=widget-55.slide.com"/></object><p style="white-space:nowrap"><a href="http://www.slide.com/pivot?cy=ms&at=un&id=2666130979431632469&map=1" target="_blank"><img src="http://widget-55.slide.com/p1/2666130979431632469/ms_t021_v000_s0un_f00/images/xslide1.gif" border="0" ismap="ismap" /></a> <a href="http://www.slide.com/pivot?cy=ms&at=un&id=2666130979431632469&map=2" target="_blank"><img src="http://widget-55.slide.com/p2/2666130979431632469/ms_t021_v000_s0un_f00/images/xslide2.gif" border="0" ismap="ismap" /></a> <a href="http://www.slide.com/pivot?cy=ms&at=un&id=2666130979431632469&map=F" target="_blank"><img src="http://widget-55.slide.com/p4/2666130979431632469/ms_t021_v000_s0un_f00/images/xslide42.gif" border="0" ismap="ismap" /></a></p></p>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-90614694067824276652010-02-02T20:54:00.003+07:002010-02-04T19:24:25.413+07:00ศึกษาดูงานนครศรีธรรมราช-เวียงจันทร์<object height="344" width="425"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/K-dWuLmrVD0&hl=en&fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/K-dWuLmrVD0&hl=en&fs=1&autoplay=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="425" height="344"></embed></object>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-49977844415692906402010-01-26T19:51:00.007+07:002010-02-14T14:30:36.669+07:00ใบงานที่ 13 ศึกษาดูงาน<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjGol4TbGD9hwVYtlcHaozuw9G9kyNPcz1KOolYZ0KMWyVbi5Qk7DHAcAXadS2y2vO7vL_KS8js-nmbPmZlDczSQNWDUDmTmE1nS3qEVbEFVB5sLPKtiL2ZUppvA9aSngGIA8VBBbmtVOgO/s1600-h/page2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" mt="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjGol4TbGD9hwVYtlcHaozuw9G9kyNPcz1KOolYZ0KMWyVbi5Qk7DHAcAXadS2y2vO7vL_KS8js-nmbPmZlDczSQNWDUDmTmE1nS3qEVbEFVB5sLPKtiL2ZUppvA9aSngGIA8VBBbmtVOgO/s320/page2.jpg" width="320" /></a></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><strong><span style="font-size: large;">ประสบการณ์จากการทัศนศึกษาดูงาน</span></strong></div><strong><br />
<span style="font-size: large;"></span></strong><strong><span style="font-size: large;">โครงการพัฒนานักศึกษาประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา </span></strong><strong><span style="font-size: large;">“นครศรีธรรมราช-ลาว” 17-22 มกราคม 2553</span></strong><br />
<a name='more'></a>นักศึกษา ป.บัณฑิตสาขาบริหารการศึกษา พร้อมกัน ณ ศาลาประดู่หก อำเภอเมือง จ.นครศรีธรรมราช เริ่มออกเดินทางเวลา 08.00 น. <br />
<br />
บรรยากาศระหว่างการเดินทางอบอวลไปด้วยเสียงเพลง มิตรภาพ รอยยิ้ม ความเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน พี่กับน้อง น้องกับพี่ เพื่อนกับเพื่อน ศิษย์กับครู ล้วนเกิดความรัก ความผูกพัน ความสมัครสมาน สามัคคี เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากประสบการณ์ทางความรู้สึกที่ยากจะบรรยายเป็นตัวอักษรแล้ว ประสบการณ์ทางโลกทั้งในส่วนของงานทางด้านการศึกษา ประสบการณ์ด้านการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมรอบข้างก็ยังเปี่ยมล้นไปด้วยคุณค่า ซึ่งพอจะสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้<br />
<span style="color: #4c1130;">1.ประสบการณ์จากการศึกษาดูงานโรงเรียนอนุบาลหนองคาย </span><br />
<div class="separator" style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none; clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgr8wyu1Cy28_WfbVmgSOIYQNG4synDJYT5-bImR5oucvoeVMvJ3XM4LQJYA0J3ngTcc7QLadUyK_Mm9KukSq7Q5X2rE1ECwDwh14M4VvYX3nmvQ4Ap_im-oXjs55EsrlOSVzfS8vGRi4iD/s1600-h/DSC00951.JPG" imageanchor="1" style="clear: right; cssfloat: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" height="150" kt="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgr8wyu1Cy28_WfbVmgSOIYQNG4synDJYT5-bImR5oucvoeVMvJ3XM4LQJYA0J3ngTcc7QLadUyK_Mm9KukSq7Q5X2rE1ECwDwh14M4VvYX3nmvQ4Ap_im-oXjs55EsrlOSVzfS8vGRi4iD/s200/DSC00951.JPG" width="200" /></a></div>กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศตั้งโรงเรียนอนุบาลหนองคาย เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2510 สังกัดกองการศึกษาพิเศษ กรมสามัญศึกษา เดิมตั้งอยู่ที่ ต.มีชัย อ.เมือง จ.หนองคาย มีเนื้อที่ 8 ไร่ เมื่อปี พ.ศ. 2530 ได้ย้ายออกมาตั้งอยู่บริเวณศูนย์ราชการเลขที่ 239 ม.1 บ้านดอนดู่ ต.หนองกอมเกาะ อ.เมือง จ.หนองคาย <br />
การศึกษาดูงานโรงเรียนอนุบาลหนองคายครั้งนี้ ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากผู้อำนวยการนายสัมฤทธิ์ เจริญดี และคณะครูที่มาต้อนรับ พวกเราได้รับความรู้ด้านต่างๆ จากโรงเรียนอนุบาลหนองคาย เนื่องจากโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพด้านต่างๆ คือ<br />
1. โรงเรียนรางวัลพระราชทานระดับประถมศึกษา<br />
2. โรงเรียนผู้นำการเปลี่ยนแปลง<br />
3. โรงเรียนต้นแบบการใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551<br />
4. โรงเรียนต้นแบบการจัดการศึกษาปฐมวัย<br />
5. โรงเรียนวิถีพุทธ<br />
6. โรงเรียนส่งเสริมสุภาพ<br />
7. โรงเรียนดีศรีหนองคาย<br />
ซึ่งในการเข้าเยี่ยมชมในครั้งนี้ผู้บริหารได้มาต้อนรับและทำการบรรยายถึงยุทธวิธีการบริหารโรงเรียนให้ประสบความสำเร็จอย่างมีคุณภาพ<br />
<span style="color: #4c1130;">2.แนวคิดเกี่ยวกับวัฒนธรรมบริบทของประเทศลาว</span><br />
ประเทศลาวเป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งตั้งอยู่บนใจกลางของคาบสมุทรอินโดจีนลาวอยู่ในภูมิอากาศเขตร้อน มีลมมรสุมแต่ไม่มีลมพายุ สำหรับเขตภูเขาภาคเหนือ และ เขตเทือกเขา อากาศมีลักษณะกึ่งร้อนกึ่งหนาว อุณหภูมิสะสมเฉลี่ยประจำปีสูงถึง 15-30 องศาเซลเซียส สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวมีระบบการปกครองแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ (ทางการลาวใช้คำว่า ระบอบประชาธิปไตยประชาชน) โดยมีพรรคประชาชนปฏิวัติลาวเป็นองค์กรชี้นำประเทศ ซึ่งพรรคนี้เริ่มมีอำนาจสูงสุดตั้งแต่ลาวเริ่มปกครองในระบอบสังคมนิยมเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2518 ประธานประเทศ (ประธานาธิบดี) ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวคนปัจจุบัน ซึ่งมีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี คือ พลโทจูมมะลี ไซยะสอน (ดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่คณะบริหารงานศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาวอีกตำแหน่งหนึ่ง) ส่วนนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันคือนายบัวสอน บุบผาวัน<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiT5Lo_qZWxzH0YvyElJhj-kevheuzKUBPU96FKs89s3Xys47IQsxI5EsIapw8vcdC1HxSheuLf8dA_lVjHRgHlNV6FfWKPiPERJfTo8avhWZPCV5w7OQeOHKHjK7f0VNOR6hV7mKM69GjF/s1600-h/DSC01026.JPG" imageanchor="1" style="clear: right; cssfloat: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" height="150" kt="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiT5Lo_qZWxzH0YvyElJhj-kevheuzKUBPU96FKs89s3Xys47IQsxI5EsIapw8vcdC1HxSheuLf8dA_lVjHRgHlNV6FfWKPiPERJfTo8avhWZPCV5w7OQeOHKHjK7f0VNOR6hV7mKM69GjF/s200/DSC01026.JPG" width="200" /></a></div>ประเทศลาวใช้ภาษาลาวเป็นภาษาราชการทั้งในส่วนของภาษาพูดและระบบการเขียน ส่วนในกลุ่มชาวลาวเทิงและชาวลาวสูงยังคงมีการใช้ภาษาประจำเผ่าของงตนควบคู่กับภาษาลาว ส่วนภาษาต่างประเทศอื่นที่มีการใช้ได้แก่ภาษาฝรั่งเศสซึ่งมีการใช้มาตั้งแต่สมัยอาณานิคม ปัจจุบันยังคงใช้ในวงราชการและการติดต่อค้าขายบ้าง อีกภาษาหนึ่งที่สำคัญคือภาษาอังกฤษซึ่งใช้ในการติดต่อกับต่างประเทศและการค้า ซึ่งนับวันการศึกษาภาษาอังกฤษก็ยิ่งจะขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆสำหรับอัตราการรู้หนังสือของลาวนั้น ประชากรเพศชายรู้หนังสือร้อยละ 67 หญิงร้อยละ 43 เมื่อคิดเฉลี่ยรวมทั้งสองเพศแล้วปรากฏว่าประเทศลาวมีอัตราประชากรที่รู้หนังสือ ร้อยละ 56<br />
ชาวลาวส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาทซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติ (ร้อยละ 60 ของชาวลาวทั้งหมด) ควบคู่ไปกับลัทธินับถือผีบรรพบุรุษของชนชาติส่วนน้อยในแถบภูเขาสูง ส่วนชาวลาวที่นับถือศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลามมีจำนวนที่ค่อนข้างน้อยมาก โดยศาสนาคริสต์ส่วนมากจะมีผู้นับถือเป็นกลุ่มชาวเวียดนามอพยพและชาวลาวเชื้อสายเวียดนาม ส่วนศาสนาอิสลามพบว่ามีการนับถือในหมู่ชนชาติส่วนน้อยจีนฮ่อที่อาศัยตามชายแดนด้านติดกับประเทศพม่า และมีชุมชนมุสลิมที่มีเชื้อสายเอเชียใต้ และจามในเวียงจันทน์การแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ อย่างหนึ่งของลาวคือผู้หญิงจะนุ่งผ้าซิ่น (ผ้าถุง) อาหารของคนลาว ลาวจะทานข้าวเหนียวเป็นหลัก อาหารที่เป็นเอกลักษณ์คือ แจ่ว ส้มตำ ไก่ย่าง เป็นต้น ชีวิตของคนลาวมีส่วนคล้ายคลึงกับประเทศไทยมากแต่ความเจริญก้าวหน้ายังล้าหลังกว่าประเทศไทย คนลาวมีวิถีชีวิตที่ค่อนข้างเรียบง่ายและ คนลาวสามารถใช้ภาษาไทยได้เป็นอย่างดี<br />
<span style="color: #4c1130;">3.ดูงานหมู่บ้านงูจงอางได้อะไรบ้าง</span><br />
<div class="separator" style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none; clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEilRMHYj5gAxOPpzJAjdWSgmUhwKVCF6QKJPMUFCvVx9Qt6UWeAbS-EhGFNzkX8Ze-FuzKmrNElj6cfqEZw2mRG3kIX3Ngvxryw7KA6CuNZdC0hRY8cMMarT0xO_mcZUQdVTLOgtx3BPZOh/s1600-h/DSC01102.JPG" imageanchor="1" style="clear: right; cssfloat: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" height="150" kt="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEilRMHYj5gAxOPpzJAjdWSgmUhwKVCF6QKJPMUFCvVx9Qt6UWeAbS-EhGFNzkX8Ze-FuzKmrNElj6cfqEZw2mRG3kIX3Ngvxryw7KA6CuNZdC0hRY8cMMarT0xO_mcZUQdVTLOgtx3BPZOh/s200/DSC01102.JPG" width="200" /></a></div>การศึกษาดูงานที่หมู่บ้านงูจงอาง ที่บ้านโคกสง่า ตำบลทรายมูล ได้ร่วมดูการแสดงคนกับงูจงอาจ ซึ่งเป็นการแสดงที่ค่อนข้างอันตรายคนที่ไม่มีประสบการณ์จะลองทำไม่ได้ วิถีชีวิตคนที่นั้นยังเป็นสังคมชนบทอยู่มาก มีการหาสมุนไพรมาขาย และได้รับการต้อนรับที่ดีจากชุมชนที่นั้น<br />
<span style="color: #4c1130;">4.ดูงานที่จังหวัดเพชรบุรีได้อะไรบ้าง</span><br />
การศึกษาดูงานที่จังหวัดเพชรบุรี ณ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ได้เข้าพักบ้านพักและร่วมรับประทานอาหารร่วมกันในตอนเย็นมีการทำกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน<br />
<br />
<br />
@@@@<span style="color: #38761d;">สิ่งที่ได้จากการเรียนรู้ในครั้งนี้ ถือได้ประสบผลสำเร็จ เพราะได้ศึกษาและทดลองทำด้วยตนเองจนสามารถเกิดองค์ความรู้จากกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งตนเองถือว่าได้รับหัวใจของการเรียนรู้๑๑๑๑</span><br />
<span style="color: #274e13;"><span style="color: #38761d;"> และจากการประเมินผลการเรียนรู้จากการเรียนวิชานี้แล้วประเมินตนเองว่าน่าจะได้</span><span style="color: #cc0000;">เกรด A</span> เนื่องจากได้เข้าเรียนทุกครั้ง และศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตนเอง ตลอดจนช่วยเหลือแนะนำ เผยแพร่วิธีการทำเวบบล็อกให้น่าสนใจ</span>@@@@@@Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-23667050942930955942010-01-14T08:08:00.003+07:002010-01-14T12:12:52.974+07:00วันครู<div style="text-align: center;"><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiCE1sY4dCC2306fS5kJX3bFgPM8RvcMmONdJrx-75LICFlMIv4WMPnHKLZsxVQhkEgHH4Mkn1Pr7XJRD3Yr9wh4VXLMo9v91RKy-QwSTC7ecXeEyhP9Pj3JjVHzggCvPpYCeP2VD8XNboO/s1600-h/kru1.gif" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" ps="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiCE1sY4dCC2306fS5kJX3bFgPM8RvcMmONdJrx-75LICFlMIv4WMPnHKLZsxVQhkEgHH4Mkn1Pr7XJRD3Yr9wh4VXLMo9v91RKy-QwSTC7ecXeEyhP9Pj3JjVHzggCvPpYCeP2VD8XNboO/s320/kru1.gif" /></a><br />
</div><span style="color: #783f04; font-size: large;">คำกลอน</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #990000;">ไม่เคยลืม...พระคุณ...ครูอาจารย์ </span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #990000;">ยังกราบกราน...ระลึก...ไม่ห่างหาย</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #990000;">ดุจพ่อแม่...คนที่สอง...ของเรือนกาย</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #990000;">สุกทุกข์ท้อ...แพ้พ่าย...ใจยังเตือน</span><br />
</div><br />
<div style="text-align: center;"><span style="color: #bf9000;">ด้วยคำสอน...คำสั่ง...ที่ครูมอบ</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #bf9000;">เป็นสิ่งชอบ...ของใจ...ไม่ร้างเลื่อน</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #bf9000;">ยังประพฤติ...ปฏิบัติ...ไม่แชเชือน</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #bf9000;">หวังจะเหมือน..ดั่งครูู...ผู้แนวทาง</span><br />
</div><br />
<div style="text-align: center;"><span style="color: #38761d;">ขอกราบครู...ผู้สอน...ศิษย์ทั้งหลาย</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #38761d;">ทั้งหญิงชาย...ขอให้...ไม่หม่นหมาง</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #38761d;">ให้คุณพระ...คุ้มครอง...ไม่ปล่อยวาง</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #38761d;">ทุกก้าวย่าง...ขอให้...ครููร่มเย็น</span><br />
</div><br />
<div style="text-align: center;"><span style="color: #a64d79;">ครูเปรียบเหมือน..เรือจ้าง..ที่หมั่นสู้</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #a64d79;">เฝ้าแลดู..ลูกศิษย์..ให้ถึงฝั่ง</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #a64d79;">ศิษย์บางคน..ดื้อรั้น..ไม่เชื่อฟัง</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #a64d79;">ครูก็ยัง..ดึงรั้ง..ให้สิทธิ์ดี</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><br />
<span style="color: #6fa8dc;">ด้วยดวงใจ..อุทิศ..ไม่คิดหนี</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #6fa8dc;">ทนตรากตรำ..พร่ำบ่น..จนได้ดี<br />
พานพุ่มนี้..ขอมอบ..ให้แด่ครู</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #6fa8dc;">เหมือนเรือจ้าง ลำน้อย ที่ลอยล่อง</span><br />
</div><br />
<div style="text-align: center;"><span style="color: #e06666;">คอยจดจ้อง รับเรา เข้าถึงฝั่ง</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #e06666;">เรื่องมากมาย สอนเห็น เป็นจีรัง</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #e06666;">เพียงคิดหวัง ให้เรา ก้าวทางดี</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #e06666;">ด้วยเงินเดือน น้อยนิด ยังคิดสู้</span><br />
</div><br />
<div style="text-align: center;"><span style="color: #b4a7d6;">มอบความรู้ ยิ่งใหญ่ ในศักดิ์ศรี<br />
</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #b4a7d6;">เรื่องยากง่าย หนักหนา ประดามี</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #b4a7d6;">ทางถูกชี้ ทางผิดห้าม ไม่ตามใจ</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #b4a7d6;">เหล่าลูกหลาน นักเรียน ที่เพียรสอน</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #b6d7a8;">ไม่เคยอ่อน ระอา ว่าเสียหาย</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #b6d7a8;">ใช้คำหวาน สอนเจ้า ให้เข้าใจ</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #b6d7a8;">เพื่อเติบใหญ่ เจ้าจะได้ ไปสู่ดี<br />
</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #b6d7a8;">จะแก้วแก่น แล่นตึง ทะลึ่งโลด</span><br />
</div><br />
<div style="text-align: center;"><span style="color: #f9cb9c;">ครูไม่โกรธ ขับไล่ ให้อายหนี</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #f9cb9c;">เฝ้าพร่ำสอน ให้ทำ ย้ำความดี</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #f9cb9c;">อาจจะตี กันได้ ถ้าไม่จำ</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #f9cb9c;">หลายหมื่นพัน เรียนครบ จบศึกษา</span><br />
</div><br />
<div style="text-align: center;"><span style="color: #6aa84f;">ต่างก้าวหน้า ชั่วไม่ไปถลำ</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #6aa84f;">เรือจ้างน้อย เคว้งคว้าง กลางลำนำ</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #6aa84f;">ล่องลอยน้ำ รอคนใหม่ ให้ขึ้นมา</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #6aa84f;">ถึงวันนี้ เรือบางลำ กลางน้ำใหญ่</span><br />
</div><br />
<div style="text-align: center;"><span style="color: #20124d;">หมดแรงไป รับเจ้า เข้าศึกษา</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #20124d;">เรือผุกร่อน ตามวาร กาลเวลา</span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #20124d;">ทางเดินหน้า เรือน้อย คือ..ค่อยค่อยจม</span><br />
</div><br />
<br />
<a name='more'></a><div> ครู หมายถึง ผู้อบรมสั่งสอน; ผู้ถ่ายทอดความรู้ ผู้สร้างสรรค์ภูมิปัญญา และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของสังคมและประเทศชาติ <br />
</div><br />
<div><br />
</div><strong>ความเป็นมา</strong> <br />
<br />
<div> วันครูได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๐ สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๘ ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า คุรุสภาเป็นนิติบุคคลให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครูในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ให้ความเห็นเรื่องนโยบายการศึกษา และวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษา ควบคุมจรรยาและวินัยของครู รักษาผลประโยชน์ ส่งเสริมฐานะของครู จัดสวัสดิการให้ครูและครอบครัวได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ส่งเสริมความรู้และความสามัคคีของครู ด้วยเหตุนี้ในทุก ๆ ปี คุรุสภาจะจัดให้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูจากทั่วประเทศแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา และซักถามปัญหาข้อข้องใจต่าง ๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการอำนวยการคุรุสภาเป็นผู้ตอบข้อสงสัยสถานที่ในการประชุมสมัยนั้นใช้หอประชุมสามัคคยาจารย์ หอประชุมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในระยะหลังใช้หอประชุมคุรุสภา ปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ ได้กล่าวคำปราศรัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศว่า“ที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจากผู้เป็นครูมีบุญคุณเป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าวันครูควรมีสักวันหนึ่งสำหรับให้บันดาลูกศิษย์ทั้งหลาย ได้แสดงความเคารพสักการะต่อบรรดาครูผู้มีพระคุณทั้งหลาย เพราะเหตุว่าสำหรับคนทั่วไปถ้าถึงวันตรุษ วันสงกรานต์ เราก็นำเอาอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ ทำทาน คนที่สองรองลงไปก็คือครูผู้เสียสละทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย ลองปรึกษาหารือกันในหลักการ ทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง” จากแนวความคิดนี้ กอปรกับความคิดเห็นของครูที่แสดงออกทางสื่อมวลชนและอื่น ๆ ที่ล้วนเรียกร้องให้มีวันครูเพื่อให้เป็นวันแห่งการรำลึกถึงความสำคัญของครูในฐานะที่เป็นผู้เสียสละ ประกอบคุณงามความดีเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นอันมาก ในปีเดียวกันที่ประชุมคุรุสภาสามัญประจำปีจึงได้พิจารณาเรื่องนี้และมีมติเห็นควรให้มีวันครูเพื่อเสนอคณะกรรมการอำนวยการต่อไป โดยได้เสนอหลักการว่า เพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณบูรพาจารย์ ส่งเสริมสามัคคีธรรมระหว่างครูและเพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างครูกันประชาชน ในที่สุดคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ ให้วันที่ ๑๖ มกราคมของทุกปีเป็น “วันครู” โดยเอาวันที่ประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๘ เป็นวันครูและให้กระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันครู<br />
<strong><span style="color: magenta;">แหล่งอ้างอิง</span></strong><br />
http://www.zabzaa.com/poem/view.asp?gid=546<br />
http://www.krubanok.com<br />
<br />
</div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-75202429165602761132010-01-12T22:43:00.003+07:002010-01-25T21:45:51.569+07:00ใบงานที่ 3<span style="font-size: large;">ใบงานครั้งที่ 3 การพัฒนานวัตกรรมและสารสนเทศ</span><span style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span style="font-size: large;">“การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา”</span><br />
<a name='more'></a><span style="color: magenta;">ชื่อนวัตกรรม</span> : การพัฒนาความสามารถในการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูโดยใช้ นวัตกรรม 5 ช <br />
<span style="color: #274e13;">ชื่อหน่วยงาน</span> : โรงเรียนวัดท่ายาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2<br />
<span style="color: #b45f06;">การพัฒนานวัตกรรมและสารสนเทศ</span><br />
<span style="color: #b45f06;"></span><br />
<span style="color: #b45f06;">ดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มได้ที่ </span><a href="http://www.mediafire.com/?djmdlyziia2"><span style="color: #b45f06;">http://www.mediafire.com/?djmdlyziia2</span></a><br />
<span style="color: #073763;">รายชื่อสมาชิกในกลุ่มที่ 4</span><br />
<span style="color: #274e13;">1. นายกมล จันสว่าง รหัสประจำตัว 5246701005</span><br />
<span style="color: #274e13;">2. นางสาวจุติมา นาควรรณ รหัสประจำตัว 5246701008</span><br />
<span style="color: #274e13;">3. นายศุภโชค กำเนิดงาม รหัสประจำตัว 5246701029</span><br />
<span style="color: #274e13;">4. นางโสภา พรหมแก้ว รหัสประจำตัว 5246701043</span><br />
<span style="color: #274e13;">5. นายเสกศักดิ์ การวินพฤติ รหัสประจำตัว 5246701050</span><br />
<span style="color: #274e13;">6. นางสาววันดี โต๊ะดำ รหัสประจำตัว 5246701075</span>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-78921769474339708252010-01-09T13:52:00.000+07:002010-01-09T13:52:40.985+07:00สรุปผลการเรียนวันที่ 9 มกราคม 25531. ส่งชื่อ-นามสกุล และรหัสนักศึกษาไปให้อาจารย์ประกอบ ได้แก่ <a href="mailto:drprakob@gmail.com">drprakob@gmail.com</a><br />
2. การสร้างบล็อก <br />
3. พิมฟ์ gotoknow.org ในadress<br />
4. การสมัครสมาชิกมีขั้นตอนดังนี้<br />
- click ปุ่มสมัครสมาชิก<br />
- อ่านแล้วแล้วยอมรับและลงทะเบียน<br />
- ตั้งชื่อที่ใช้ในการลงทะเบียนโดยใช้ตัวอักษรอย่างน้อย 6 ตัว<br />
-รหัสผ่าน<br />
-คำสำคัญ<br />
การสร้าง(blog)สมุดบันทึกส่วนตัวมีขั้นตอนดังนี้<br />
ไปที่ เมนูบล็อก กรุณาสร้างบล็อก (หากสร้างบล็อกไว้แล้ว สามารถสร้างได้หลายบล็อก)<br />
การสร้างwebblog<br />
1. ระบุ url เช่น http:gotoknow.org/blog/.......(สร้างเอง)Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-65076557505218331412010-01-04T21:41:00.009+07:002010-01-04T22:48:44.832+07:00คำขวัญวันเด็ก ปี 2553<blockquote><blockquote><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><span style="cssfloat: left; font-size: large; margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ" border="0" height="100" src="http://widget.sanook.com/static_content/widget/full/text_1/2231/458231/e425a84a33737de617cce01c942c2f05_1248245648.gif" width="100" /></span><br />
</div><strong><span style="color: blue;"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: large;">"คิดสร้างสรรค์</span></span><span style="color: blue;"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="font-size: large;"><span style="color: magenta;"> ขยันใฝ่รู้</span> </span></span></span></strong><span style="color: blue; font-family: Arial; font-size: large;"><strong>เชิดชูคุณธรรม"</strong></span><br />
</blockquote></blockquote><div style="text-align: center;"><strong>คำขวัญ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี</strong><br />
</div><a name='more'></a><br />
<a href="http://www.moe.go.th/moe/upload/news18/FileUpload/14545-2341.pdf">สารรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ</a><br />
<div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><br />
</div><span style="color: #351c75;"><strong>คำขวัญวันเด็กปีต่างๆ</strong></span><br />
<div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;">พ.ศ.2499 - จอมพล ป.พิบูลสงคราม - จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม <br />
</div>พ.ศ.2502 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า<br />
<div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;">พ.ศ.2503 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความสะอาด <br />
</div>พ.ศ.2504 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย <br />
<div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;">พ.ศ.2505 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่ประหยัด <br />
</div>พ.ศ.2506 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่น <br />
เพียรมากที่สุด <br />
<div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;">พ.ศ.2507 - งดการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ <br />
</div>พ.ศ.2508 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กจะเจริญต้องรักเรียนเพียรทำดี <br />
พ.ศ.2509 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะ บากบั่น และสมานสามัคคี <br />
<div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;">พ.ศ.2510 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดีมีความประพฤติเรียบร้อย <br />
</div>พ.ศ.2511 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - ความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาดและรักชาติยิ่ง <br />
<div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;">พ.ศ.2512 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ <br />
</div>พ.ศ.2513 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กประพฤติดีและศึกษาดี ทำให้มีอนาคตแจ่มใส <br />
พ.ศ.2514 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - ยามเด็กจงหมั่นเรียน เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ <br />
<div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh7p0HAuoKguQp7fAQR7lQkKQgX5tKljkHOJDy2_JrftA1j_rY101GmX-c4EmVfF2mvCDz3M-EzoStVXS10wqhz580N1PN6n7qcM_2JsixDEPQHTg6zNdZ3jx1Bh5-p5n0Gl7RvufwpQkic/s1600-h/200309-57.gif" imageanchor="1" style="clear: right; cssfloat: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" ps="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh7p0HAuoKguQp7fAQR7lQkKQgX5tKljkHOJDy2_JrftA1j_rY101GmX-c4EmVfF2mvCDz3M-EzoStVXS10wqhz580N1PN6n7qcM_2JsixDEPQHTg6zNdZ3jx1Bh5-p5n0Gl7RvufwpQkic/s200/200309-57.gif" /></a>พ.ศ.2515 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ <br />
</div>พ.ศ.2516 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ <br />
พ.ศ.2517 - นายสัญญา ธรรมศักดิ์ - สามัคคีคือพลัง <br />
พ.ศ.2518 - นายสัญญา ธรรมศักดิ์ - เด็กดีคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความสามัคคี <br />
พ.ศ.2519 - หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช - เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี มีวินัย เสียแต่บัดนี้ <br />
พ.ศ.2520 - นายธานินทร์ กรัยวิเชียร - รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย <br />
พ.ศ.2521 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ - เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ <br />
พ.ศ.2522 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ - เด็กไทยคือหัวใจของชาติ <br />
พ.ศ.2523 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ - อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย <br />
พ.ศ.2524 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - เด็กไทยมีวินัย ใจสัตย์ซื่อ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม <br />
พ.ศ.2525 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - ขยันศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย <br />
พ.ศ.2526 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด มีวินัยและคุณธรรม <br />
พ.ศ.2527 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดีมีความคิด สุจริตใจมั่น หมั่นศึกษา <br />
พ.ศ.2528 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - สามัคคี นิยมไทย มีวินัย ใฝ่คุณธรรม <br />
พ.ศ.2529 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม <br />
พ.ศ.2530 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม <br />
พ.ศ.2531 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม <br />
พ.ศ.2532 - พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ - รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม <br />
พ.ศ.2533 - พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ - รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม <br />
พ.ศ.2534 - พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ - รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา <br />
พ.ศ.2535 - นายอานันท์ ปันยารชุน - สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม <br />
พ.ศ.2536 - นายชวน หลีกภัย - ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม <br />
พ.ศ.2537 - นายชวน หลีกภัย - ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม <br />
พ.ศ.2538 - นายชวน หลีกภัย - สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม <br />
พ.ศ.2539 - นายบรรหาร ศิลปอาชา - มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด <br />
พ.ศ.2540 - พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ - รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด <br />
พ.ศ.2541 - นายชวน หลีกภัย ขยัน - ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย <br />
พ.ศ.2542 - นายชวน หลีกภัย ขยัน - ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย <br />
พ.ศ.2543 - นายชวน หลีกภัย - มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย <br />
พ.ศ.2544 - นายชวน หลีกภัย - มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย <br />
พ.ศ.2545 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้ สู่อนาคตที่สดใส <br />
พ.ศ.2546 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี <br />
พ.ศ.2547 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดีๆ อนาคตดีแน่นอน <br />
พ.ศ.2548 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - เด็กรุ่นใหม่ ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด <br />
พ.ศ.2549 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด<br />
พ.ศ.2550 - พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ - มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข <br />
พ.ศ.2551 - พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ - สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม <br />
พ.ศ.2552 - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ - ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี<br />
พ.ศ.2553 - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ - คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<span style="color: #ffd966;"><strong><span style="color: blue;">แหล่งข้อมูล</span></strong><br />
วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี</span> <br />
<span style="color: #ffd966;">www.thaingo.org</span><br />
<span style="color: #ffd966;">www. thaigoodview.com</span>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-22734428058740911352009-12-26T15:04:00.008+07:002010-01-06T20:44:28.456+07:00ใบงานที่ 12 การใช้โปรแกรม SPSS<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br />
</div><span style="color: #274e13; font-size: large;"><strong>สรุปผลการเรียนรู้วันที่ 26 ธันวาคม 2552</strong></span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://widget.sanook.com/view-widget/graphic/?widget=251857" target="_blank"><img alt="คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ" border="0" src="http://widget.sanook.com/static_content/widget/full/graphic_1/2857/251857/c11994c81c398bb5d783b12d0b53466a_1228201877.gif" /></a><br />
</div><a href="http://widget.sanook.com/" target="_blank">[ของตกแต่งโดนๆคลิกเลย]</a> <br />
<span style="color: #274e13; font-size: large;"><strong>การใช้โปรแกรม SPSS</strong></span><br />
<a name='more'></a><strong><span style="color: #660000;">1. ขั้นตอนการเรียกใช้โปรแกรม</span></strong><br />
คลิก Start -> All Programs -> SPSS for Windows -> SPSS 11.5 for Windows<br />
หรือ Double Click ไอคอนบนหน้าจอ Windows<br />
<strong><span style="color: #660000;">2. ส่วนประกอบหลักของ SPSS FOR WINDOWS</span></strong><br />
<span style="color: black;">เมื่อเปิดโปรแกรมจะได้หน้าต่างที่มีส่วนประกอบดังต่อไปนี้</span><br />
-Title Bar บอกชื่อไฟล์ เช่น Untitled-SPSS Data Editor (หากเปิดครั้งแรก)<br />
-Menu Bar คำสั่งการทำงาน<br />
-Cell Editor กำหนดค่าตัวแปร<br />
-Cases ชุดของตัวแปร<br />
-Variable กำหนดชื่อตัวแปร<br />
-View Bar มีสองส่วน ได้แก่ Variable View (สร้างและแก้ไขโครงสร้า้งตัวแปร) และ Data View (เพิ่มและแก้ไขตัวแปร)<br />
-Status Bar แสดงสถานการณ์ทำงาน<br />
<strong><span style="color: #660000;">3. การป้อนข้อมูลจากหน้าจอData Editor</span></strong> <br />
3.1 เปิด SPSS Data Editor โดยไปที่ File -> New -> Data<br />
3.2 กำหนดชื่อและรายละเอียด จากหน้าจอ Variable View<br />
3.3 ป้ิอนข้อมูล Data View<br />
3.4 บันทึกข้อมูล File -> Save<br />
<strong><span style="color: #990000;">4. การกำหนดชื่อและรายละเอียดของตัวแปรจากหน้าจอ Variable View</span></strong><br />
<br />
ที่หน้าจอ SPSS Data Editor เรียกหน้าจอ Variable View ทำได้ 2 วิธี คือ 1. ดับเบิลคลิกตรงคอลัมน์ของบรรทัดแรก 2. คลิกแถบ Variable View ที่อยู่ด้านล่าง เมื่อได้หน้าต่างของ Variable View แล้วจะเจอ<br />
4.1. Name ชื่อตัวแปร ให้พิมพ์ตรงคอลัมน์ Name เช่น Sex , Age, หรือจะพิมพ์เป็นภาษาไทยก็ได้ตามตัวแปรที่มีอยู่ <br />
4.2. Type ประเภทของตัวแปร เลือก Numeric Width =1 Decimal Places=0 คลิกปุ่ม OK <br />
4.3. Label กำหนดข้อความขยายชื่อตัวแปร เพื่ออธิบายชื่อตัวแปรและแสดงออกทางผลลัพธ์ให้พิมพ์ตรงคอลัมน์ Label เช่น เพศ<br />
4.4 Values กำหนดคำอธิบายให้กับค่าตัวแปร <br />
4.5. Missing กำหนดค่าที่ไม่นำไปวิเคราะห์ มี 2 แบบ คือ User Missing ผู้วิจัยเป็นผู้กำหนด เช่น 9, 99, 999, …และ System Missing โปรแกรมจะกำหนดให้เอง<br />
4.6 Column จำนวนความกว้างของคอลัมน์ คือจำนวนความกว้างมากสุดของ ค่าตัวแปร หรือ ชื่อตัวแปร หรือ label ตัวแปร <br />
4.7. Align ให้แสดงค่าตัวแปร ชิดซ้าย กึ่งกลาง ชิดขวา <br />
4.8. Measure ระดับการวัดของข้อมูล ได้แก่ Scale (Interval, Ratio), Ordinal, Nominal ให้กำหนดชื่อและรายละเอียดของตัวแปรให้ครบทุกตัว<br />
<strong><span style="color: #990000;">5.การป้อนข้อมูลในหน้าต่าง Data View</span></strong><br />
Data View เป็นแบบตาราง การป้อนข้อมูลจะคล้ายกับ Excel<br />
- บรรทัดแรก จะเป็นชื่อตัวแปร<br />
- บรรทัดต่อไป จะเป็นข้อมูล ดูจำนวนข้อมูล <br />
- ไปรายการสุดท้าย กดปุ่ม Ctrl+End<br />
- กลับไปรายการแรก กดปุ่ม Ctrl+Home<br />
- การ Show Label (View -> Value Labels)<br />
- เรียบร้อยแล้วเราก็ทำการ Save ข้อมูลโดยการกดคลิกที่ปุ่ม Save จะได้กรอบ Save data กำหนดสถานที่จัดเก็บข้อมูลในช่อง Save in และกำหนดชื่อ File ในช่อง File name File ที่ได้จะมีนามสกุลเป็น sav<br />
<strong><span style="color: #990000;">6. การวิเคราะห์ข้อมูล</span></strong><br />
6.1 คลิกที่เมนู Analyze เลือก Descriptive Statistic และเลือก Frequencies <br />
6.2 จากนั้นเราจะได้กรอบ Frequencies กรอบ Frequencies ทางช่องซ้ายมือเป็นตัวแปรต่างๆ ที่ได้จากแบบสอบถาม ทางช่องขวามือจะเป็นส่วนเลือกตัวแปรเพื่อวิเคราะห์ข้อมูล <br />
6.3 เราจะเลือกตัวแปรโดยการคลิกที่ตัวแปรที่ต้องการวิเคราะห์ทางซ้ายมือ จากนั้นคลิกปุ่มเลือก(สามเหลี่ยมสีดำ)ตัวแปรที่ต้องการวิเคราะห์ก็จะตกไปอยู่ทางช่องขวามือ ในที่นี้ให้เลือกทั้งหมดทุกตัวแปร <br />
6.4 คลิกปุ่ม Statistics แล้วจะได้กรอบ Frequencies Statistics <br />
6.5 เลือกประเภทการวิเคราะห์ข้อมูล ในที่นี้เราจะวิเคราะห์ Central Tendency และ Dispersion โดยส่วน Central Tendency เลือก Mean, Median, Mode, Sum และส่วน Dispersion เลือก Std. deviation, Minimum, Maximum เลือกเสร็จเรียบร้อยแล้วให้คลิกปุ่ม Continue เมื่อคลิกปุ่ม Continue จะกลับมาที่กรอบ Frequencies Statistics <br />
6.6. ต่อไปให้คลิกปุ่ม Charts จะได้กรอบ Frequencies Charts ในส่วน Frequencies Charts นี้ท่านสามารถเลือก Chart Type ว่าต้องการเป็น Charts ชนิดใด ในที่นี้ให้เลือก Bar charts แล้วคลิก Continue <br />
6.7 เมื่อคลิกปุ่ม Continue จะกลับมาที่กรอบ Frequencies Statistics ดังภาพ จากนั้นคลิกปุ่ม OK ก็เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-4626906199479312822009-12-25T05:18:00.006+07:002009-12-25T12:19:51.853+07:00ใบงานที่ 11<span style="color: #274e13; font-size: large;"><strong>ความรู้สึกและความคิดเห็นเกี่ยวกับครูผู้สอน</strong></span><a href="http://glitter.kapook.com/category.php?category_id=114&sid=2f59c1ee342991c5f550e7dbe49dff8c" target="_blank"><img alt="คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ..." border="0" height="200" src="http://i223.photobucket.com/albums/dd277/akapong/thanksAdd/1113.gif" title="คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ..." width="200" /></a><br />
<a name='more'></a><br />
ในการเรียนครั้งนี้มีความเห็นว่าอาจารย์มีการเตรียมการสอนและตั้งใจให้ความรู้กับนักศึกษาอย่างเต็มที่ สอนเต็มเนื้อหา และเต็มเวลา สามารถให้นักศึกษากลับไปศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองได้ ทำให้มีความรู้เพิ่มเติมขึ้น อีกทั้งเรื่องเทคโนโลยีและเนื้อหาที่อาจารย์สอน นักศึกษาสามารถนำไปใช้ในชีวิตการทำงานให้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น บ่งบอกได้ว่านักศึกษาที่ได้เรียนวิชานี้มีความเป็นผู้ทันสมัยทางเทคโนโลยี อันเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นผู้บริหารมืออาชีพต่อไป ขอให้อาจารย์สอนด้วยความสนุกสนานและตั้งใจแบบนี้สืบต่อไป เพื่อก้าวหน้าทางการศึกษา ขอบคุณที่ได้เรียนวิชานี้ ขอบคุณมากๆๆๆๆๆค่ะUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-82544175267672475022009-12-25T05:07:00.003+07:002009-12-25T05:55:19.347+07:00ใบงานที่ 9<a href="http://glitter.kapook.com/category.php?category_id=116&sid=d71adb33371e611adf2704b3b9237771" style="clear: right; cssfloat: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;" target="_blank"><img alt="คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ..." border="0" height="133" src="http://i.kapook.com/glitter/2009/th/12/T301109_10C.gif" title="คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ..." width="200" /></a><strong>ผู้บริหารมืออาชีพ</strong> <span style="color: #b45f06;">คือ ผู้บริหารที่มีความรู้ ความเข้าใจในสาระของงานอย่างแท้จริง สามารถบริหารงานได้ประสบความสำเร็จ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับ ดังนั้น</span><br />
<a name='more'></a><br />
<span style="color: blue;"><strong>ผู้บริหารมืออาชีพควรมีคุณลักษณะดังนี้</strong></span><br />
<strong>1. ความรู้ดี ( Knowledge )</strong> ผู้บริหารมืออาชีพจะต้องเป็นผู้มีความรู้ดี ผู้มีความรู้ดีจะเป็นผู้มีบารมีเป็นที่ยอมรับ การมีความรู้ดีนั้นผู้บริหารมืออาชีพควรมีความรอบรู้ในเรื่องต่อไปนี้<br />
1.1 หลักการแนวคิด ทฤษฎี เทคนิคการบริหาร และกลยุทธ์ในการบริหารงานตามโครงสร้างของสถานศึกษา การบริหารคน การบริหารเวลา การบริหารความเปลี่ยนแปลง ตลอดจนการบริหารตนเอง เพื่อให้สามารถวางระบบ วางแผนและบริหารแผนงานที่วางไว้ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายอย่างมีคุณภาพ<br />
1.2 ด้านวิชาการ หลักสูตร ปรัชญาการศึกษา หลักจิตวิทยาด้านต่างๆ ตลอดจนวิทยาการใหม่ๆ เพื่อให้สามารถวางแผน ดำเนินการ นิเทศ กำกับ ติดตาม ให้ความดูแลช่วยเหลือครูและบุคลากรในโรงเรียนเพื่อให้ผลการจัดการศึกษาอันเป็นหัวใจหลักของโรงเรียนบรรลุผลสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลและเกิดความคุ้มค่า<br />
<strong>2. มีวิสัยทัศน์ ( Vision )</strong> ผู้บริหารมืออาชีพต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล วิสัยทัศน์คือ สิ่งที่อยากเห็น อยากมี อยากเป็นในอนาคตหรือภาพความสำเร็จในอนาคตที่มีความเป็นไปได้ ท้าทาย และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ เป้าหมายและค่านิยมขององค์การ ผู้ที่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลต้องเป็นผู้ที่เรียนรู้มาก คือ ได้อ่านมาก ได้ฟังมาก ได้เห็นมาก ได้ทำมาก คนที่มีวิสัยทัศน์และมุ่งมั่นนำวิสัยทัศน์สู่การปฎิบัติ ( vision with action ) มักจะสำเร็จ ในทางตรงกันข้ามคนที่มีวิสัยทัศน์แต่ไม่พยายามนำวิสัยทัศน์สู่การปฎิบัติ ( vision without action ) ก็เท่ากับการเพ้อฝัน ดังนั้นผู้บริหารมืออาชีพจะต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และมุ่งมั่นนำวิสัยทัศน์สู่การปฏิบัติให้บรรลุผลสำเร็จอยู่เสมอ <br />
<strong>3. มีคุณธรรมจริยธรรม (Moral & Ethics)</strong> คุณธรรมประดุจดั่งโลหิตที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณผู้บริหารให้เป็นผู้“คิดดี พูดดีและทำดี” “ผู้ที่มีคุณธรรมประจำใจจะมีจริยธรรมที่งดงามเสมอ จึงทำให้สามารถครองตน ครองคน ครองงาน ได้อย่างสง่างาม มีคำกล่าวว่า “ความดีฉกชิงวิ่งราวกันไม่ได้ ความชั่วทดแทนกันไม่ได้ ความกล้าแบ่งปันกันไม่ได้” ผู้บริหารมืออาชีพจะต้องหมั่นตรวจสอบตนเองให้เป็นผู้มีคุณธรรมจริยธรรมอยู่เสมอ คุณธรรมจริยธรรมที่ผู้บริหารมืออาชีพต้องมีได้แก่ หลักธรรมาภิบาล อิทธิบาท ๔ ฆราวาสธรรม สังควัตถุ ๔ เป็นต้น <br />
<strong>4. มีภาวะผู้นำ ( Leadership )</strong> ผู้บริหารมืออาชีพจะต้องเป็นผู้มีภาวะผู้นำที่เข้มแข็ง ( strong leadership ) สามารถนำทีมปฏิบัติงานให้บรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์กรได้อย่างมีคุณภาพ มีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล ภาวะผู้นำนั้นต้องประกอบด้วยความรู้ความเข้าใจ (Knowledge) การรู้จักตัดสินใจ (decision making) รู้จักและสามารถนำเอาวิธีการและกลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหา (problem solving)มาใช้ในการปฏิบัติงานในหน้าที่ได้ และเป็นบุคคลที่มีความสามารถในการเป็นผู้นำที่กำหนดทิศทางขององค์กรและเพื่อนร่วมงานได้เป็นอย่างดี (lead direction) สร้างพลังในการทำงานเป็นทีม (team work) และการมีส่วนร่วมของเพื่อนร่วมงาน ตลอดจนเป็นผู้ที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (Initiative) เป็นต้น <br />
<strong>5. เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Agent)</strong> ที่ใดไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่นั่นไม่มีการพัฒนา การเปลี่ยนแปลง คือการพัฒนา (changing is development) ผู้บริหารมืออาชีพจะต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่ดีขององค์การโดยเฉพาะในยุคปฎิรูปยิ่งมีความต้องการผู้นำการเปลี่ยนแปลงจึงจะทำให้งานบรรลุผลสำเร็จ ผู้บริหารที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงจะต้องมีคุณลักษณะที่สำคัญ 3 ประการคือ “มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีความรู้ลึกและรู้รอบ มีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง” ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้ผู้บริหารมืออาชีพมีวิสัยทัศน์ สามารถนำองค์กรไปสู่ความเลิศได้อย่างรวดเร็ว <br />
<strong>6. มีบุคลิกภาพที่ดี ( Personality )</strong> ผู้บริหารมืออาชีพต้องเป็นผู้ที่มีบุคลิกภาพดี คนที่มีบุคลิกภาพดีคือ “คนที่มีจิตแจ่มใส กายสง่า วาจาดี หรือคนที่มีมาดต้องตา วาจาต้องใจ ภายในต้องเยี่ยม” จิตแจ่มใส คือการมีจิตใจที่ดีงาม มองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน อารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่บูด ไม่บึ้ง กายสง่า คือการแต่งกายท่าทาง การวางตัวต้องถูกต้องเหมาะสม ภูมิฐาน และถูกกาลเทศะ วาจาดี คือการพูดดี พูดเป็น ต้องคิดก่อนพูด ไม่ใช่พูดก่อนคิด ผู้บริหารมืออาชีพจะต้องหมั่นตรวจสอบและพัฒนาบุคลิกภาพของตนอยู่เสมอเพราะผู้ที่มีบุคลิกภาพที่ดีจะช่วยสร้างความประทับใจกับบุคคลที่คบหาสมาคม และจะเป็นบันไดสู่ความสำเร็จได้เป็นอย่างดีจึงมักจะมีคำกล่าว “มาดดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” ผู้บริหารมืออาชีพต้องบุคลิกภาพที่ดี ทั้งลักษณะภายนอก พฤติกรรมที่แสดงออก และภาวะจิตใจ<br />
<strong>7. บริหารจัดการดี (Administration & Management)</strong> ผู้บริหารมืออาชีพจะต้องมีความสามารถในการบริหารจัดการ สามารถมองภาพงานได้ตลอดแนว ( see through ) คือรู้จักจุดเริ่มต้นของงาน และจุดสุดท้ายของงาน และรู้จักกำหนดกลยุทธ์ในการทำงานสู่ความสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ สุดยอดของผู้ประกอบการคือ บริหารแล้วได้ทั้งงาน ได้ทั้งคน หมายความ ว่า “งานบรรลุผล คนก็เป็นสุข” แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงมักจะหาผู้บริหารดังกล่าวได้ยากยิ่ง ส่วนใหญ่จะพบแต่ผู้บริหารที่บริหารแล้วได้งาน แต่ไม่ได้คน หรือได้คนแต่ไม่ได้งาน ผู้บริหารมืออาชีพจะต้องรู้จักประยุกต์ศาสตร์ทางการบริหารมาใช้อย่างมีศิลปะเพื่อให้งานบรรลุผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคือ ต้องมีทั้งศาสตร์ สามารถทั้งศิลป์ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องแสวงหา นวัตกรรม เทคโนโลยี หลักการ แนวคิด ทฤษฎีใหม่ๆ มาปรับปรุงและพัฒนาการบริหารจัดการอยู่เสมอ<br />
<br />
<strong>8. มีความสามารถพิเศษรอบด้าน (Talent)</strong> ผู้ประกอบการมืออาชีพจะต้องมีความรู้และทักษะที่สำคัญอื่นๆอีกมากมาย เช่น กล้าตัดสินใจ คิดริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นนักประสานสิบทิศ รู้จักบริหารงานแบบมีส่วนร่วม สร้างทีมงานและพัฒนาทีมงาน เสริมสร้างพลังอำนาจ ตลอดจนความสามารถในการใช้นวัตกรรม และเทคโนโลยีเพื่อการบริหาร<br />
<br />
<br />
<strong><span style="color: magenta;">แหล่งอ้างอิง</span></strong><br />
<br />
วีระ ประเสริฐศิลป์.(ม.ป.ป.). เอกสารสาระการเรียนรู้ เล่ม 1 ชุดวิชาผู้บริหารสถานศึกษามืออาชีพ. (เอกสารอัดสำเนา).<br />
<br />
http://learners.in.th<br />
<br />
http://km.naraed2.org<br />
<br />
http://gotoknow.orgUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-38562104711998819572009-12-25T04:53:00.004+07:002009-12-25T06:06:26.424+07:00ใบงานที่ 8<span style="font-size: large;"><strong>ใบงานที่ 8 การใช้โปรแกรม SPSS OF WINDOWS</strong></span><a href="http://glitter.kapook.com/category.php?category_id=37&sid=f3c985d76a1e712650566a4a8631f781" target="_blank"><img alt="คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ..." border="0" height="174" src="http://i.kapook.com/glitter/2009/en/12/E241209_11C.gif" title="คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ..." width="200" /></a><br />
<a name='more'></a><strong><span style="color: #274e13; font-size: large;">1. ความหมายของสถิติ</span></strong><br />
<span style="color: #b45f06;"><strong>สถิติ (Statistics) หมายถึง สารสนเทศที่เป็นวิทยาศาสตร์โดยมีการดำเนินการ 4 ขั้นตอนได้แก่ การเก็บรวบรวมข้อมูล(Collection of Data) การนำเสนอข้อมูล(Presentation of Data ) การวิเคราะห์ข้อมูล (Analysis of Data) และการตีความหมายของข้อมูล (Interpretation of Data)</strong></span><br />
สถิติแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ สถิติพรรณนา/บรรยายและสถิติอ้างอิง<br />
<br />
<strong><span style="color: #38761d; font-size: large;">2. ค่าเฉลี่ย ค่ามัธยฐาน ค่าฐานนิยม ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน มีความหมายว่าอย่างไร และแต่ละค่าเป็นสถิติประเภทใด</span></strong><br />
<br />
<strong><span style="color: blue;">ค่าเฉลี่ย หมายถึง ผลบวกของค่าสังเกตหรือค่าของตัวอย่างที่ได้จากการสำรวจทุกค่าของข้อมูล แล้วหารด้วยจำนวนตัวอย่างของข้อมูล ค่าเฉลี่ยจัดเป็นสถิติพรรณนา</span></strong><br />
<br />
<span style="color: #741b47;">ค่ามัธยฐาน (Median) หมายถึง ค่าของข้อมูลที่จุดกึ่งกลางของการกระจายของข้อมูลโดย 50% ของข้อมูลมี ค่าสูงกว่าค่า มัธยฐาน และอีก 50% มีค่าต่ำกว่าค่ามัธยฐาน และมักใช้ในกรณีที่ การกระจายของข้อมูลมีลักษณะไม่เท่ากันทั้งสองข้าง (Asymmetry) หรือมีลักษณะเบ้ไปทางซ้ายหรือทางขวาเป็นสถิติเชิงพรรณนา/บรรยาย</span><br />
<br />
<span style="color: #990000;">ค่าฐานนิยม (Mode) หมายถึง ค่าของข้อมูลที่มีความถี่มากที่สุดในข้อมูลของชุดนั้นๆ ซึ่งอาจมีมากกว่าหนึ่งค่าหรือไม่มีเลยก็ได้ เป็นสถิติเชิงพรรณนา/บรรยาย</span><br />
<br />
<span style="color: magenta;">ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) หมายถึง ค่าการกระจายของข้อมูลว่าจะเบี่ยงเบนไปจากค่าเฉลี่ยมากน้อยเท่าใด เป็นสถิติเชิงพรรณนา/บรรยาย</span><br />
<br />
<span style="color: #38761d; font-size: large;"><strong>3.คำว่าประชากร และกลุ่มตัวอย่างเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ให้อธิบายยกตัวอย่างประกอบ</strong></span><br />
<br />
ประชากร (Population) หมายถึง กลุ่มสมาชิกทั้งหมดที่ต้องการศึกษา อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตก็ได้ ใช้สัญลักษณ์ “N” แทนจำนวนประชากร<br />
<br />
กลุ่มตัวอย่าง (Sample) หมายถึง กลุ่มสมาชิกที่ถูกเลือกมาจากประชากรด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งเพื่อเป็นตัวแทนในการศึกษาและเก็บข้อมูล ใช้สัญลักษณ์ “n” แทนสมาชิกของกลุ่มตัวอย่าง<br />
<br />
ประชากรและกลุ่มตัวอย่างต่างกัน เพราะกลุ่มตัวอย่างเป็นเพียงสมาชิกส่วนหนึ่งของประชากรที่ถูกคัดเลือกมาใช้ในการศึกษาด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง ตัวอย่าง เช่น เมื่อผู้วิจัยต้องการศึกษาสมรรถนะในการบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งมีจำนวนมากผู้วิจัยไม่สามารถศึกษาจากประชากรทั้งหมดได้จึ้งคัดเลือกผู้บริหารมาศึกษาเพียงบางส่วนโดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างโดยอาศัยหลักความน่าจะเป็น ตารางเลขสุ่ม หรืออื่นๆ ผลที่ได้จากการศึกษาจะอ้างอิงไปสู่ประชากรทั้งหมด<br />
<br />
<span style="color: #38761d; font-size: large;"><strong>4. นามบัญญัติ ระดับอันดับที่ ระดับช่วง ระดับอัตราส่วน ท่านเข้าใจอย่างไร อธิบายสั้น ๆ</strong></span><br />
<br />
<strong><span style="color: #b45f06;">มาตรนามบัญญัติ (Nominal Scale)</span></strong><br />
<br />
-เป็นมาตรวัดที่หยาบที่สุด จัดข้อมูลออกเป็นกลุ่มๆ แยกตามประเภทหรือชนิด<br />
<br />
-สถิติ : ความถี่ ร้อยละ ฐานนิยม หรือใช้สถิติแบบนอนพาราเมตริก<br />
<br />
-ตัวแปร : เป็นตัวแปรที่ไม่มีขนาด ไม่มีความเท่ากันของช่วง และไม่มีศูนย์สมบูรณ์ <br />
<br />
<span style="color: #b45f06;"><strong>มาตรเรียงลำดับ (Ordinal Scale)</strong></span><br />
<br />
-เป็นมาตรวัดที่ใช้กับข้อมูลที่สามารถจัดเรียงอันดับความสำคัญหรือสามารถเปรียบเทียบกันได้<br />
<br />
-สถิติ : ฐานนิยม มัธยฐาน พิสัย เปอร์เซนต์ไทล์ และสถิติแบบนอนพาราเมตริก<br />
<br />
-ตัวแปร : เป็นตัวแปรที่มีการจัดลำดับข้อมูลจากมากไปน้อย หรือจากน้อยไปมากได้ แต่ไม่ได้บอก<br />
<br />
ถึงปริมาณแต่ละอันดับว่ามากน้อยเท่าใด ไม่มีความเท่ากันของช่วงคะแนน และไม่มีศูนย์สมบูรณ์<br />
<br />
<span style="color: #b45f06;"><strong>มาตรอันตรภาค (Interval Scale)</strong></span><br />
<br />
-เป็นมาตรวัดที่สามารถบอกได้ทั้งทิศทางและขนาดของ ความแตกต่างของข้อมูล มาตรวัดนี้ไม่มีศูนย์ที่แท้จริง (absolute zero)<br />
<br />
-สถิติ : ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน<br />
<br />
-ตัวแปร : เป็นตัวแปรที่สามารถบอกระยะห่างของตัวเลข 2 ตัว ว่ามีความแตกต่างกันมากน้อยเท่าใด มีเกณฑ์อยู่กับสิ่งที่เรียกว่าศูนย์สมมติ <br />
<br />
<span style="color: #b45f06;"><strong>มาตรอัตราส่วน (Ratio Scale)</strong></span><br />
<br />
-เป็นมาตรวัดที่มีลักษณะสมบูรณ์ทุกอย่าง ดีกว่ามาตรวัดอันตรภาคตรงที่มาตรการวัดนี้มีศูนย์<br />
<br />
ที่แท้จริง<br />
<br />
-สถิติ : สถิติที่ใช้กับการวัดในระดับนี้ใช้ได้ทุกวิธีที่มีอยู่<br />
<br />
-ตัวแปร : เป็นตัวแปรที่มีระดับการวัดเหมือนมาตราอันตรภาค และมีศูนย์สมบูรณ์ ข้อมูลที่<br />
<br />
เป็นอัตราส่วนสามารถนำมาบวก ลบ คูณ หาร ได้ และสามารถใช้ได้กับสถิติทุกประเภท<br />
<br />
<span style="color: #38761d; font-size: large;"><strong>5. ตัวแปรคืออะไร ตัวแปรต้นคืออะไร ตัวแปรตามคืออะไร</strong></span><br />
<br />
ตัวแปร หมายถึง สิ่งที่เปลี่ยนค่าไปได้หลายค่า เป็นลักษณะคุณภาพ คุณสมบัติของบุคคล สิ่งของ หรือสิ่งที่สนใจจะนำมาศึกษาที่สามารถนับได้ วัดได้ หรือหมายถึง สิ่งที่แปรเปลี่ยนไปตามระยะเวลา แปรเปลี่ยนได้หลายค่า หรือมากกว่า 1 ลักษณะ เช่นเชื้อชาติ แปรค่าได้เป็น ไทย , จีน , <br />
<br />
ตัวแปรต้น หรือตัวแปรอิสระ (independent variable) เป็นตัวแปรเหตุที่ทำให้ผลตามมา หรือทำให้สิ่งที่เกี่ยวข้องอยู่ด้วยเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะ หรือ แปรสภาพไป ตัวแปรต้นจะมีลักษณะดังนี้<br />
<br />
- เป็นตัวแปรเหตุ<br />
<br />
- เป็นตัวแปรที่มาก่อน<br />
<br />
- เป็นตัวแปรที่จัดกระทำในการทดลอง<br />
<br />
- มีลักษณะเป็นตัวทำนาย<br />
<br />
- เป็นตัวกระตุ้น<br />
<br />
- มีความคงทน ถาวร<br />
<br />
ตัวแปรตาม (dependent variable) เป็นตัวแปรที่มีผลมาจากตัวแปรต้น ซึ่งตัวแปรตามจะมีลักษณะ ดังนี้<br />
<br />
- เป็นตัวแปรที่เป็นผล<br />
<br />
- เกิดขึ้นภายหลัง<br />
<br />
- เกิดขึ้นเองไม่สามารถจัดกระทำได้ในการทดลอง<br />
<br />
- เป็นตัวถูกทำนาย<br />
<br />
- เป็นตัวตอบสนอง<br />
<br />
- เปลี่ยนแปลงได้ง่าย<br />
<br />
<span style="color: #38761d;"><strong>6. สมมติฐาน คืออะไร สมมติฐานการวิจัยมีกี่ประเภทอะไรบ้าง</strong></span><br />
<br />
สมมติฐาน คือ การคาดการณ์ผลการวิจัยไว้ล่วงหน้าโดยมีทฤษฎีหรือข้อค้นพบจากผลงานวิจัยที่ผ่านมามารองรับ เป็นคำตอบที่คาดการณ์ไว้ก่อนที่จะดำเนินการวิจัยจริง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ <br />
<br />
- สมมติฐานการวิจัย เป็นข้อความที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร ที่ผู้วิจัยคาดว่าจะเกิดขึ้นมักจะเขียนในเชิงความเรียงธรรม<br />
<br />
- สมมติฐานทางสถิติ เป็นการนำข้อความจากสมมติฐานการวิจัยมาเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ทางสถิติ <br />
<br />
<span style="color: #38761d; font-size: large;"><strong>7. T-test, F-test เหมือนหรือต่างอย่างไร</strong></span><br />
<br />
T-test เป็นการทดสอบนัยสำคัญของค่าเฉลี่ย เหมาะสำหรับถ้าตัวแปรเป็นตัวแปรเชิงปริมาณที่สามารถวัดค่าได้ <br />
<br />
F – test (หรือ ANOVA) เป็นการทดสอบนัยสำคัญของค่าเฉลี่ยตั้งแต่สองกลุ่มขึ้นไป<br />
<br />
T-test และ F – test เหมือนกัน คือเป็นการทดสอบนัยสำคัญของค่าเฉลี่ย<br />
<br />
T-test และ F – test ต่างกัน คือ F – test เป็นการทดสอบนัยสำคัญของค่าเฉลี่ยของข้อมูลตั้งแต่ 2 กลุ่มขึ้นไป <br />
<br />
<span style="color: #b45f06; font-size: large;"><strong>แหล่งอ้างอิง</strong></span><br />
<span style="color: magenta;">htt://www.watpon.com</span><br />
<br />
<a href="http://www.tutormaths.com/"><span style="color: magenta;">http://www.tutormaths.com</span></a><br />
<br />
<span style="color: magenta;">http://pibul2.psru.ac.th</span><br />
<span style="color: magenta;"><br />
</span><br />
<span style="color: magenta;">http://th.wikipedia.org</span>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-70536931414675640452009-12-24T00:02:00.007+07:002009-12-24T00:44:38.531+07:00การบริหารที่ประสบความสำเร็จ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://glitter.kapook.com/category.php?category_id=112&sid=3e739332b6719b32d8096361eece2b43" style="clear: left; cssfloat: left; cssfloat: right; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;" target="_blank"><img alt="คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ..." border="0" height="150" src="http://i.kapook.com/glitter/2009/en/12/E221209_03C.gif" title="คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ..." width="150" /></a><br />
</div><br />
<strong><span style="color: #674ea7; font-size: large;">พฤติกรรมหรือคุณลักษณะพื้นฐาน 4 ประการ ของการบริหารจัดการที่ประสบความสำเร็จ</span></strong><br />
<a name='more'></a><br />
<span style="font-size: large;">1. กระตือรือร้น มุ่งเน้นความสำเร็จของงาน</span><br />
<span style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span style="font-size: large;">2. ให้การยอมรับการตัดสินใจของนักบริหารในระดับที่สูงกว่า</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><span style="font-size: large;"><br />
</span><br />
</div><span style="font-size: large;">3. วางแผนการทำงานอย่างเป็นระบบ และให้ลูกน้องรับรู้แนวทาง ทิศทาง ที่จะดำเนินการต่อไป</span><br />
<span style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span style="font-size: large;">4. งานต้องทำให้ดี ให้แล้วเสร็จตามเวลา และคิดเสมอว่ามีทางทำให้ดีกว่าเดิมได้</span><br />
<span style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<strong><span style="color: #274e13; font-size: x-large;">“พฤติกรรมที่มุ่งความสำเร็จของงาน อาจมีผลกระทบต่อผู้ปฏิบัติงาน แม้เขาจะไม่รัก แต่เขาก็ให้ความนับถือ"</span></strong>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-83702639371413927812009-12-23T00:12:00.004+07:002009-12-23T00:30:22.571+07:00ใบงานที่ 10<div class="separator" style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none; clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgFfr4ZOBLSzWQuLGUZ1sWiHlJZVDuECbIxOSG0QzOG3aBdcZ1vEAjak-AvpRVQ6yEm4bhAQ5EMTW-PRa-SJjj3j_ByL6Vmm0o7WVrp1v2Lqw3fvIZ0sT3UPJEvFT4hM7rf2SNkkEB-ui4-/s1600-h/w21.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; cssfloat: right; cssfloat: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" ps="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgFfr4ZOBLSzWQuLGUZ1sWiHlJZVDuECbIxOSG0QzOG3aBdcZ1vEAjak-AvpRVQ6yEm4bhAQ5EMTW-PRa-SJjj3j_ByL6Vmm0o7WVrp1v2Lqw3fvIZ0sT3UPJEvFT4hM7rf2SNkkEB-ui4-/s320/w21.jpg" /></a><br />
</div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><strong><span style="font-size: large;">ใบงานที่ 10 ประวัติตนเอง</span></strong> <br />
</div><a name='more'></a><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none; text-align: center;"><span style="background-color: #bf9000;">ประวัติ</span><br />
</div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;">ชื่อ นางสาววันดี นามสกุล โต๊ะดำ<br />
</div>สัญชาติ ไทย เชื้อชาติ ไทย ศาสนา อิสลาม<br />
เกิดวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2516 <br />
ภูมิลำเนาบ้านเลขที่ 237 หมู่ที่ 1 ตำบลย่านตาขาว อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง รหัสไปรษณีย์ 92140 <br />
ระดับการศึกษา<br />
- พ.ศ. 2529 ระดับประกาศนียบัตรประถมศึกษา (ป.6) โรงเรียนบ้านนายายหม่อม อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง<br />
- พ.ศ. 2532 ระดับประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.3) โรงเรียนย่านตาขาวรัฐชนูปถัมภ์ อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง<br />
- พ.ศ. 2535 ระดับประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) โรงเรียนย่านตาขาวรัฐชนูปถัมภ์ อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง<br />
- พ.ศ. 2539 ระดับปริญญาตรี ครุศาสตรบัณฑิต(เกียรตินิยมอันดับ ๑) วิชาเอก การประถมศึกษา สถาบันราชภัฏยะลา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา<br />
- พ.ศ. 2545 ระดับปริญญาโท ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการวัดและประเมินผลการศึกษา ภาควิชาวิจัยการศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย <br />
เริ่มรับราชการวันที่ 1 เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2539 ตำแหน่ง อาจารย์ 1 ระดับ 3 <br />
โรงเรียนบ้านหัวหิน ตำบลบ่อหิน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดตรัง สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ เกษียณอายุราชการปี พ.ศ. 2576<br />
ปัจจุบัน ตำแหน่งครู คศ. 2 โรงเรียนบ้านหัวหิน อำเภอสิเกา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 2<br />
ความสามารถพิเศษ<br />
- การใช้คอมพิวเตอร์โปรแกรมต่างๆ<br />
- การจัดระบเครือข่าย<br />
- การซ่อมคอมพิวเตอร์เบื้องต้น<br />
- การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป<br />
คติประจำใจ "<span style="color: #4c1130;">Do now, Happy’ near"</span>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-42274618925794944732009-12-22T23:09:00.003+07:002009-12-23T00:32:44.396+07:00ใบงานที่ 7<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://glitter.kapook.com/category.php?category_id=111&sid=352bc1bd947e88a28928a4479f28a759" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;" target="_blank"><img alt="คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ..." border="0" src="http://lh4.ggpht.com/_Q7MPdnlO2_k/ScyqMM1reuI/AAAAAAAAADA/CEPyqDCNqwA/s200/T270309_05C.gif" title="คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ..." /></a><br />
</div><strong><span style="color: #20124d; font-size: large;">ใบงานที่ 7 การตกแต่งเวบบอร์ดให้สวยงามและน่าสนใจ</span></strong><br />
<a name='more'></a><span style="font-size: large;"><strong>1.การใส่ปฏิทินในเวบบอร์ด</strong> </span><br />
<span style="font-size: large;"> - ค้นหาโค้ดปฏิทินจากเวบgoogle พิมพ์คำว่า code ปฏิทิน</span><br />
<span style="font-size: large;"> - เลือกเวบที่เกี่ยวข้องเลือก รูปแบบปฏิทินที่ชอบแล้ว copy code</span><br />
<span style="font-size: large;"> - เปิดบล็อกของตนเองเข้าไปที่รูปแบบ จากนั้นคลิ๊ก ในส่วนองค์ประกอบของหน้า เพิ่ม Gadget คลิ๊กในส่วนของ html /จาวาสคริป นำโค๊ดที่ได้วางไว้ในส่วนของเนื้อหา แล้วกด บันทึก (save) เพื่อยืนยัน</span><br />
<strong><span style="font-size: large;">2.การใส่นาฬิกา</span></strong><br />
<span style="font-size: large;"> - ค้นหาโค้ดนาฬิกาจากเวบgoogle พิมพ์คำว่า code นาฬิกา </span><br />
<span style="font-size: large;"> - เลือกเวบที่เกี่ยวข้องเลือก รูปแบบนาฬิกาที่ชอบแล้ว copy code </span><br />
<span style="font-size: large;"> - เปิดบล็อกของตนเองเข้าไปที่รูปแบบ จากนั้นคลิ๊ก ในส่วนองค์ประกอบของหน้า เพิ่ม Gadget คลิ๊กในส่วนของ html /จาวาสคริป นำโค๊ดที่ได้วางไว้ในส่วนของเนื้อหา แล้วกด บันทึก (save) เพื่อยืนยัน</span><br />
<span style="font-size: large;"><strong>3.การทำสไลด์</strong> </span><br />
<span style="font-size: large;">- เข้าwww.slide.com เพื่อสมัครสมาชิก</span><br />
<span style="font-size: large;">- เข้าสู่ระบบ โดยการใส่ username และ password ที่ได้สมัครไปข้างต้น </span><br />
<span style="font-size: large;">- เมื่อเข้าสู่ระบบแล้วคลิ๊กสร้างการแสดงภาพสไลด์ จากนั้นไปที browse เพื่อเพิ่มรูปภาพที่ต้องการ ซึ่งภาพนี้อาจอยู่ในเครื่องคอมพวิเตอร์ของท่านหรือจากเวบที่ท่านทำการฝากรูปไว้ ทำการ upload รูป</span><br />
<span style="font-size: large;">- ปรับตกแต่งให้สวยงามตามความต้องการโดยเลือกรูปแบบ หลากหลาย ขนาด เอ๊ฟเฟกต่างๆ ตามใจชอบ เมื่อเลือกได้ตามที่ต้องการ ให้บันทึก เพื่อรับรหัส code จากนั้น copy code ที่ได้ไปวางไว้ในส่วนของบทความใหม่ หรือใน Gadget ก็ได้. เสร็จแล้ว คลิ๊ก บันทึก เพื่อยืนยัน</span><br />
<span style="font-size: large;">เกร็ดเล็กๆน้อยๆ....หากท่านเข้าเวบwww.slide.comแล้วพบว่าเป็นภาษาอังกฤษ อย่างเพิ่งตกใจ ให้เลื่อนเม้าส์ไปด้านล่างจะมีเมนูให้ท่านเปลี่ยนภาษาได้ .....</span><br />
<span style="font-size: large;"><strong>4. การปรับแต่งสีใน blog</strong> </span><br />
<span style="font-size: large;">- เปิด blog ของตัวเอง เข้าไปในส่วนของ รูปแบบ จากนั้น คลิ๊ก แบบอักษรและสี สามารถเลือกปรับแต่งสี ในส่วนต่างๆของหน้า blog เมื่อเลือกเสร็จให้คลิ๊ก บันทึกการเปลี่ยนแปลงเพื่อยืนยัน</span><br />
<span style="font-size: large;">เกร็ดเล็กๆน้อยๆ หากท่านเปลี่ยน template ของบล็อก การปรับแต่งสีเป็นสิ่งสำคัญ</span><br />
<span style="font-size: large;"><strong>5. การใส่เพลง</strong> </span><br />
<span style="font-size: large;">- เข้าเวบhttp://happyvampires.gmember.com/home.php?1402 </span><br />
<span style="font-size: large;">- เลือกเพลงที่ชื่นชอบ copy embed เพื่อนำ code ที่ได้ไปวางไว้ในบล็อกตนเอง</span><br />
<span style="font-size: large;">- เข้าบล็อกตนเอง ไปวางในส่วนของบทความใหม่</span>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-40513872530129501122009-12-22T08:21:00.005+07:002009-12-23T00:34:20.583+07:00การสร้าง poll ในบล็อก<span style="font-size: large;"><strong>การสร้าง poll ในบล็อก)</strong></span><a href="http://glitter.kapook.com/category.php?category_id=47&sid=783f552e4f57b2c13ab0a069df9be967" target="_blank"><img alt="คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ..." border="0" height="192" src="http://s242.photobucket.com/albums/ff298/akapong999/glitter2/glitterThai/NuNaPriNCesSCute6.gif" title="คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ..." width="200" /></a><br />
<a name='more'></a><span style="font-size: large;">1. เข้าเวบ http://voto.void7.com/?t=n</span><br />
<span style="font-size: large;">2. ด้านเมนูบาร์ซ้ายมือ คลิกคำว่า create poll</span><br />
<span style="font-size: large;">3. สร้างคำถาม question</span><br />
<span style="font-size: large;">4. สร้างคำอธิบาย ที่ description</span><br />
<span style="font-size: large;">5. สร้างตัวเลือกคำตอบ (ต้องการกี่ข้อก็ได้ตามใจชอบ</span><br />
<span style="font-size: large;">6. ปรับตัวอักษร สีพื้นหลัง สีตัวอักษร แล้วกดยืนยัน </span><br />
<span style="font-size: large;">7. คัดลอกโค้ด</span><br />
<span style="font-size: large;">8. เข้าบล็อกของตนเอง รูปแบบ องค์ประกอบของหน้า</span><br />
<span style="font-size: large;">9. เพิ่ม gadget เลือก HTML/จาวาสคริปต์ </span><br />
<span style="font-size: large;">แล้วจะได้ตัวอย่างดังในบล็อก</span><br />
<blockquote></blockquote>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-74375273371019675832009-12-16T23:36:00.002+07:002009-12-23T00:37:50.973+07:00ใบงานที่ 6<strong><span style="color: #134f5c;"><span style="font-size: large;">ใบงานที่ 6 เสนอวิธีการใช้ </span><a href="http://www.google.co.th/"><span style="font-size: large;">http://www.google.co.th/</span></a></span></strong><a href="http://www.netdesign.co.th/" target="_blank"><img alt="Glitter กำลังใจ" border="0" height="200" src="http://glitter.netdesign.ac.th/glitter/12_149.gif" title="คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ..." width="180" /></a><br />
<a name='more'></a><br />
<div class="separator" style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none; clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjbyEtu0TqZZUCu5fhfk9Jpkj_buv6Ddrj6i9aJ0fWPc6py9jXdFbzWw9xjNLBZhRtuExg8OVDbVfjIbDl6CG75lJ7wrqepXqAb4LGlc7xDpKFBgx0BQ0W27Tv8W0E713i1Ltj1C_RkgBt7/s1600-h/p61.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" ps="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjbyEtu0TqZZUCu5fhfk9Jpkj_buv6Ddrj6i9aJ0fWPc6py9jXdFbzWw9xjNLBZhRtuExg8OVDbVfjIbDl6CG75lJ7wrqepXqAb4LGlc7xDpKFBgx0BQ0W27Tv8W0E713i1Ltj1C_RkgBt7/s320/p61.jpg" /></a><br />
</div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><br />
</div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><br />
</div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><span style="color: magenta;"><strong>1. ประโยชน์ของ google</strong></span> <br />
</div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;">กูเกิลเสิร์ช(Google Search) เว็บไซต์เสิร์ชเอนจินค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตมีให้บริการมากกว่า 100 ภาษา <br />
</div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;">กูเกิล กรุ๊ปส์(Google Groups) บริการเว็บบอร์ด และสร้างเว็บไซต์ของกลุ่ม <br />
</div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjMyMuznS4MUVRTzIwz1GX0PZ5BOyqXPH1cRjqoll38-og2_FagQEwcsLXQfflLnZLwW42fTAGHy-tonHD27DH2YoEtkyFF_i_hOOIT78ACNiAN83LeCf-H9hYwxounzaPXNUH-hqzT77Id/s1600-h/p62.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; cssfloat: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" ps="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjMyMuznS4MUVRTzIwz1GX0PZ5BOyqXPH1cRjqoll38-og2_FagQEwcsLXQfflLnZLwW42fTAGHy-tonHD27DH2YoEtkyFF_i_hOOIT78ACNiAN83LeCf-H9hYwxounzaPXNUH-hqzT77Id/s200/p62.jpg" /></a>กูเกิล ค้นหารูปภาพ(Google Image Search) บริการค้นหารูปภาพออนไลน์ <br />
</div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;">กูเกิล แคเลนเดอร์(Google Calendar) บริการปฏิทินและจดวันนัดหมาย <br />
</div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;">จีเมล(Gmail) บริการอีเมล <br />
</div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;">กูเกิลไซต์ไกสต์(Google Zeitgeist) บริการเปิดให้ดูคำค้นหา คำนิยม รูปแบบ และแนวโน้มในการค้นหาผ่านกูเกิลเสิร์ช <br />
</div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;">กูเกิลด็อกส์(Google Docs) บริการใช้งานซอฟต์แวร์สำนักงานรวมถึงเวิร์ด<br />
</div>สเปรดชีต พรีเซนเตชัน ให้ผู้ใช้สามารถได้ฟรีออนไลน์ โดยเพิ่มเติมความสามารถในการแชร์และให้ผู้ใช้หลายคนสามารถแก้ไขไฟล์เดียวกันพร้อมกันได้<br />
กูเกิล ทรานซเลต(Google Translate) บริการแปลข้อความผ่านเว็บไซต์ รวมถึงแปลเว็บไซต์ทั้งหน้า <br />
บล็อกเกอร์(Blogger) บริการเขียนบล็อก <br />
กูเกิล บล็อกเสิร์ช(Blog Search) บริการค้นหาบล็อก <br />
ปีกาซา(Picasa) เว็บไซต์เก็บภาพ ใช้งานคู่กับซอฟต์แวร์ปีกาซา<br />
กูเกิล เพจ(Google Page) บริการสร้างเว็บไซต์ <br />
กูเกิล แมปส์(Google Maps) บริการแผนที่ ค้นหาที่อยู่ ค้นหาธุรกิจและร้านอาหาร<br />
ยูทูบ(YouTube) บริการแชร์วิดีโอ <br />
กูเกิลวิดีโอ(Google Video) บริการค้นหาวิดีโอออนไลน์ <br />
กูเกิลเว็บมาสเตอร์(Google Webmaster) ให้บริการเครื่องมือสำหรับเว็บมาสเตอร์ ตรวจสอบเว็บไซต์ ค้นหาดัชนีการค้นหาผ่านกูเกิล ตรวจสอบโรบอตไฟล์ <br />
กูเกิลสกอลาร์(Google Scholar) บริการค้นหาวารสาร หนังสือ สิ่งตีพิมพ์ทางวิชาการ <br />
กูเกิลสกาย(Google Sky) ดูดาว และระบบสุริยะจักรวาลผ่านเว็บไซต์ [18]<br />
กูเกิลสารบบเว็บ(Google Directory) ค้นหาข้อมูลตามหมวดหมู่ ข้อมูลจาก ดีมอซ <br />
ออร์กัต(Orkut) เครือข่ายสังคมออนไลน์ลักษณะคล้ายกับ ไฮไฟฟ์ และเฟซบุ้ก <br />
กูเกิล แอดเซนส์(Google AdSense) ให้บริการโค้ดสำหรับติดตั้งโฆษณาบนเว็บไซต์ ทำงานคู่กับแอดเวิรดส์ <br />
<br />
กูเกิล แอดเวิรดส์(Google AdWords) บริการโฆษณาผ่านเว็บไซต์ที่ติดตั้งแอดเซนส์ <br />
กูเกิล แอนะลิติกส์(Google Analytics)บริการนับสถิติผู้เข้าชมเว็บไซต์ พร้อมระบบวิเคราะห์ผู้ใช้งาน<br />
กูเกิล แอปส์(Google Apps) บริการใช้งานผลิตภัณฑ์และบริการของกูเกิลผ่านทางชื่อ <br />
โดเมนส่วนตัวโดยแอปพลิเคชันที่สามารถใช้งานได้เช่น <br />
จีเมล แคเลนเดอร์ ทอล์ก ด็อกส์ โดยมีการให้บริการทั้งฟรีและเสียเงิน <br />
ไอกูเกิล(IGoogle) บริการทำหน้าเริ่มต้นในการเข้าชมเว็บไซต์ โดยสามารถนำเว็บฟีด และแกเจ็ต จากเว็บอื่นมารวมได้<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg2O6cbUvKNt9bhLbLcy3RP5gCib-N1QnH_MK1ITeu82O8zJGNcaCHUsBaT0ZSxfDtivmBYxK7aa7u90R47qDGUFuKHy_y324Uk9Z5LqGAJXbpJqAaAZ1ghau418Pt_tS_M3q2rAVM_Dow5/s1600-h/pic64.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; cssfloat: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" ps="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg2O6cbUvKNt9bhLbLcy3RP5gCib-N1QnH_MK1ITeu82O8zJGNcaCHUsBaT0ZSxfDtivmBYxK7aa7u90R47qDGUFuKHy_y324Uk9Z5LqGAJXbpJqAaAZ1ghau418Pt_tS_M3q2rAVM_Dow5/s200/pic64.jpg" /></a><br />
</div><strong><span style="color: magenta;">2. การค้นหาข้อมูลขั้นสูงมีวิธีการดังนี้</span></strong><br />
1. Google จะใช้ and (และ) อยู่ในประโยคเสมอ เช่น ค้นหา harvest moon back to nature Google จะค้นหาแบบ harvest AND moon AND back... (พูดง่ายๆคือค้นหาแบบแยกคำ)<br />
2. การใช้ OR (หรือ) คือการให้ Google หาข้อมูลมากขึ้นจาก คำA และ คำB (พูดง่ายๆ คือนำผลที่ได้ มารวมกันรวมกัน) วิธีใช้ พิมพ์ OR ด้วยตัวใหญ่ระหว่างคำที่ต้องการ เช่น vacation london OR paris คือหาทั้งใน London และ Paris<br />
3. Google จะละคำทั่วๆไป (เช่น the, to, of) และตัวอักษรเดี่ยว เพราะจะทำให้ค้นหาช้าลง แต่ถ้าคำพวกนั้นสามารถช่วยให้หาข้อมูลง่ายขึ้น ก็ต้องใช้เครื่องหมาย + ช่วยโดยนำไปอยู่หน้าคำนั้น (ต้องเว้นวรรคก่อนด้วย) เช่น back +to nature หรือ final fantasy +x<br />
4. Google สามารถกันขอบเขตการค้นหาให้เล็กลงด้วยการใช้ Advanced Search หรือ การค้นหา แบบพิเศษ ใน Google ภาษาไทย<br />
5. Google สามารถตัดคำพ้องรูปได้โดยใช้เครื่องหมาย - ช่วยโดยการนำไปอยู่คำที่จะตัด เช่น คำว่า bass มี 2 ความหมายคือ เกี่ยวกับปลา และดนตรีเราจะตัดที่มีความหมายเกี่ยวกับดนตรีออกโดยพิมพ์ bass -music หมายความว่า bass ที่ไม่มีคำว่า music นอกจากนี้มันยังสามารถตัดอย่างอื่นได้อีก เช่น "front mission 3" -filetype:pdf หมายความว่า เรื่องเกี่ยวกับ front mission 3 แต่ไม่แสดงไฟล์ PDF<br />
6. การค้นหาแบบทั้งวลี (คือการค้นหาทั้งกลุ่มคำ) ให้ใช้เครื่องหมาย " " เช่น "Breath of fire IV"<br />
7. Google สามารถแปลเว็บภาษา Italian, French, Spanish, German, และ Portuguese เป็น ภาษาอังกฤษได้ (โดยคลิ้กที่คำว่า "Translate this page" ด้านข้างชื่อเว็บ)<br />
8. Google สามารถหาไฟล์ในรูปแบบอื่นๆที่ไม่ใช่ HTML ได้ ประเภทไฟล์ที่รองรับคือ<br />
Adobe Portable Document Format (นามสกุลของไฟล์ pdf)<br />
Adobe PostScript (นามสกุลของไฟล์ ps)<br />
Lotus 1-2-3 (นามสกุลของไฟล์ wk1, wk2, wk3, wk4, wk5, wki, wks, wku)<br />
Lotus WordPro (นามสกุลของไฟล์ lwp)<br />
MacWrite (นามสกุลของไฟล์ mw)<br />
<br />
Microsoft Excel (นามสกุลของไฟล์ xls)<br />
Microsoft PowerPoint (นามสกุลของไฟล์ ppt)<br />
Microsoft Word (นามสกุลของไฟล์ doc)<br />
Microsoft Works (นามสกุลของไฟล์ wks, wps, wdb)<br />
Microsoft Write (นามสกุลของไฟล์ wri)<br />
Rich Text Format (นามสกุลของไฟล์ rtf)<br />
Text (นามสกุลของไฟล์ ans หรือ txt)<br />
วิธีใช้ filetype:นามสกุลของไฟล์ เช่น "Chrono Cross" filetype:pdf หมายความว่าเอกสารของ Chrono Cross ที่เป็น PDF และมันยังมีความสามารถดูไฟล์เหล่านั้นในรูปแบบของ HTML ได้ (โดยคลิ้ก View as HTML หรือ รูปแบบ HTML ใน Google ไทย)<br />
9. Google สามารถเก็บ Cached ของเว็บที่จะเข้าชมไว้ได้ (โดยคลิ้กที่ Cached หรือ ถูกเก็บไว้ ใน Google ภาษาไทย) ประโยชน์ของมันคือช่วยให้เราสามารถเข้าเว็บบางเว็บที่อาจโดนลบไปแล้ว โดยข้อมูลที่ได้เป็นข้อมูลก่อนถูกลบ (ใหม่สุดที่มันจะมีได้)<br />
10. Google สามารถค้นหาหน้าที่คล้ายกัน (โดยคลิ้ก Similar pages หรือ หน้าที่คล้ายกัน ใน Google ภาษาไทย) โดยจะค้นหาข้อมูลที่คล้ายๆ กันให้เรา เช่น ถ้าเรากำลังหาข้อมูลการวิจัย ความสามารถนี้จะช่วยให้หาข้อมูลได้มากมายในเวลาที่รวดเร็วโดยไม่ต้องเป็นห่วงเรื่อง keyword<br />
11. Google สามารถค้นหา link ทั้งหมดที่เชื่อมไปยังเว็บนั้นได้ วิธีใช้ link:ชื่อ URL เช่น link:www.google.com แต่คุณไม่สามารถใช้ความสามารถนี้ร่วมกับการหาแบบอื่นๆ ได้<br />
12. Google สามารถค้นหาเว็บที่จำเพาะเจาะจงได้ โดยพิมพ์ คำที่คุณต้องการเจาะจง site:ชื่อ URL เช่น ถ้าคุณต้องการหาเว็บเกี่ยวกับการเข้า (admission) มหาวิทยาลัย Stanford ให้พิมพ์ admission site:www.stanford.edu<br />
13. ถ้าคุณมีเวลาน้อย (และคิดว่าโชคดี) Google มีบริการการค้นหาด่วน (ชื่อบริการ I'm Feeling Lucky) โดยที่ Google จะนำเว็บที่อยู่ลำดับแรกของการค้นหา ส่งให้คุณเลย (link ไปเว็บนั้นให้เสร็จ) เช่น คุณต้องการค้นหาเว็บมหาวิทยาลัย Stanford อย่างด่วนให้พิมพ์ Stanford แล้วกด I'm Feeling Lucky หรือ ใช่เลย! เจอแน่ๆ ใน Google ไทย<br />
14. Google สามารถหาแผนที่ของสหรัฐอเมริกาได้โดยพิมพ์ ที่อยู่ ชื่อถนน พร้อมด้วยชื่อรัฐ เช่น 165 University Ave Palo Alto CA Google จะจัดการส่งแผนที่คุณภาพสูงมาให้คุณ<br />
15. Google สามารถหาเบอร์โทร (เฉพาะอเมริกา) หรือพิมพ์เบอร์โทรแล้วหาบริษัทได้โดยพิมพ์<br />
first name (or first initial), last name, city (state is optional)<br />
first name (or first initial), last name, state<br />
first name (or first initial), last name, area code<br />
first name (or first initial), last name, zip code<br />
phone number, including area code<br />
last name, city, state<br />
last name, zip code<br />
แล้วแต่ว่าคุณจะใช้แบบไหน<br />
16. Google สามารถค้นหา Catalog สินค้าได้ (เข้าไปที่ http://catalogs.google.com)<br />
17. Google สามารถเก็บข้อมูลลักษณะการใช้ที่คุณต้องการได้โดยเข้าไปที่ Preferences หรือ ตัวเลือก ใน Google ไทย<br />
<strong><span style="color: magenta;">3. Webที่ใช้ค้นหาข้อมูล</span></strong> นอกจาก google แล้วมีอีกมากมาย อาทิเช่น<br />
เว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลแบบเครื่องจักรค้นหา( Search Enging) ได้แก่<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiZ007t_XGCZOYC-cejN-4rdJv4PmwuC1Msf5akDgQFjjXuDvvtG4_KHTlxUSliiYIL5HJyIyOfxYgusvbz61ejbj8j1ncebQHOy3fH45fzsP3el5EeU7eMnxVji20-Qb0SRsTzh-qXT7dx/s1600-h/p63.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; cssfloat: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" ps="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiZ007t_XGCZOYC-cejN-4rdJv4PmwuC1Msf5akDgQFjjXuDvvtG4_KHTlxUSliiYIL5HJyIyOfxYgusvbz61ejbj8j1ncebQHOy3fH45fzsP3el5EeU7eMnxVji20-Qb0SRsTzh-qXT7dx/s200/p63.jpg" /></a><br />
</div>1. www.altavista.com เครื่องจักรค้นหายอดนิยม อันดับต้นๆ<br />
2. www.Excite.com การหาข้อมูล ข้อความที่หาความสัมพันธ์กับกลุ่มข้อมูลที่เกี่ยวข้อง<br />
3. www.infoseek.com เว็บไซต์เพื่อค้นหาข้อมูลที่มีรายละเอียดของเว็บต่างๆ ถึง 30 ล้านเว็บไซต์<br />
4. www.lycos.com เครื่องจักรค้นหาที่ได้รับความนิยมเท่ากับ yahoo.com<br />
5. www.hotbot.com เว็บไซต์ที่มีฐานข้อมูลขนาดใหญ่<br />
6. www.thaiseek.com เครื่องจักรค้นหาและรวมไดเร็คทรอรี่ของไทย<br />
7. www.madoo.com/search/ เว็บไซต์ที่รวบรวมเว็บไซต์ที่เป็น Search Enging เอาไว้<br />
8. www.siamguru.com เว็บไซต์ใหม่ที่กำลังมาแรง ในการค้นหาแบบ เครื่องจักรค้นหา<br />
9. www.asialycos.co.th เว็บไซต์เครื่องจักรค้นหาที่ทำเพื่อคนไทยโดยเฉพา<br />
10. www.yahoo.com เว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลในการค้นหาอย่างมากมายและผู้ใช้มากถึง 200,000 คนต่อวัน<br />
11. www.looksmart.com เว็บไซต์ที่เก็บรายชื่อของเว็บไซต์ต่างๆ ไว้มากมาย 1,000,000 เว็บไซต์ <br />
12. www.snap.com เว็บไซต์ที่มีการปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา<br />
13. www.sanook.com เว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูล เว็บไซต์ยอดนิยมของไทย<br />
14. www.108-109.com เว็บไซต์ที่มากกว่า 4,000 ลิงค์ และยังมีชื่อที่อยู่เบอร์ icq ในประเทศ<br />
15. www.pattayadirectory.com เว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพัทยาได้ครบที่สุด<br />
16. www.siaminside.com เว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลตามหมวดหมู่โดยเฉพาะ<br />
17. www.thaiall.com เว็บไซต์ที่มีอยู่มากมาย บริการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรม<br />
18. www.thaitop.com หนึ่งในเว็บไซต์เพื่อการค้นหาข้อมูลตามหมวดหมู่ที่สมบูรณ์ของไทย<br />
19. www.i-kool.com เว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลที่สมบูรณ์อีกเว็บหนึ่งของไทย<br />
<strong><span style="color: magenta;">4. การกำหนดหมวดหมู่ในการค้นหาโดยใช้ google</span></strong><br />
Google ให้การบริการ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มได้ 3 กลุ่ม โดยแบ่งออกตามความสามารถในการทำงานในด้านต่างๆ ดังนี้<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiV0KEd_6i0focrvTmK-a5n0RKxB_dcMOPA4ClikhlAbhwF30zbHpDObqFude6jQwZED5DleGzT44EhyFch5pO2a6Lr1AUdSL5tNgdUkW2z8TVm1cXeJixcKwcONm5EhIT3iK5PmgngkKph/s1600-h/p65.gif" imageanchor="1" style="clear: right; cssfloat: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" ps="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiV0KEd_6i0focrvTmK-a5n0RKxB_dcMOPA4ClikhlAbhwF30zbHpDObqFude6jQwZED5DleGzT44EhyFch5pO2a6Lr1AUdSL5tNgdUkW2z8TVm1cXeJixcKwcONm5EhIT3iK5PmgngkKph/s200/p65.gif" /></a><br />
</div>1. บริการในกลุ่มดัชนีค้นหา(Search Engines) Google Web Search Features ประกอบด้วยบริการค้นหาต่อไปนี้<br />
Book Search : บริการค้นหาหนังสือแบบออนไลน์ ซึ่งเป็นบริการใหม่ของ Google ที่เพิ่งเปิดให้บริการกับแฟนหนังสือโดยเฉพาะ<br />
Cached Links :บริการช่วยจับประเด็นหรือหัวเรื่องสำคัญของเว็บไซต์ที่คุณต้องการจะค้นหา<br />
Calculator : เครื่องคำนวณทางคณิตศาสตร์ที่คุณสามารถตั้งตัวเลข โดยคีย์ลงในช่องค้นหาของ Google แล้วคลิ้กหาคำตอบที่ต้องการได้เลย<br />
Currency Conversion : บริการแปลงหน่วยมาตราเงินสำหรับระบบแลกเปลี่ยนเงินตรา<br />
Definitions : หมวดคำศัพท์ที่คุณสามารถค้นหาความหมายของคำศัพท์ที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย<br />
File Types : ดัชนีค้นหาสินค้าออนไลน์ทั่วทุกมุมโลก<br />
Groups : ถ้าหากว่าคุณอยากรู้ข้อมูลข่าวสารที่มีคนโพสต์กันบนเว็บไซต์ สามารถค้นหาได้จากบริการนี้<br />
I ‘m Feeling Lucky : ปุ่มบริการดัชนีค้นหาที่ช่วยให้ค้นหาเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว และตรงประเด็น โดยข้ามลิงก์ของเว็บไซต์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ถูกตัดออกไป<br />
Images : ระบบดัชนีค้นหารูปภาพที่คลิกได้ง่าย และเร็วทันใจ<br />
Local Search : บริการค้นหาธุรกิจและบริการต่าง ๆ ที่เปิดในสหรัฐ อังกฤษ และแคนาดา<br />
Movie : คุณสามารถเข้าไปดูรีวิวภาพยนตร์หรือว่าตารางโปรแกรมฉายแบบเรียลไทม์ได้จากฟีเจอร์นี้<br />
Music Search : ดัชนีค้นหาเพลงหรือว่าดนตรีที่มีให้บริการฟังเพลงออนไลน์หรือว่าดาวน์โหลดเพลงจากทั่วโลก <br />
News Headlines : บริการที่ทำให้คุณสารารถรู้ข้อมูลข่าวสารทันในที่ส่งมาจากรอบโลกแบบเรียลไทม์<br />
PhoneBook : บริการค้นหาเบอร์โทรศัพท์และเลขที่บนท้องถนนของสหรัฐอเมริกา<br />
Q&A : บริการใหม่ที่คุณอยากรู้อะไรเกี่ยวกับ Google บริการนี้ตอบปัญหาให้คุณได้ทุกเรื่อง<br />
Similar Pages :บริการแสดงหน้าเว็บเพจที่แสดงผลในหน้าเว็บที่เกี่ยวข้อง<br />
Site Search : กำหนดขอบเขตของการค้นหาเว็บไซต์ให้แคบลง<br />
Spell Checker : เครื่องมือช่วยในการสะกดคำ<br />
Stock Quotes : ดัชนีค้นหาสำหรับราคาหุ้นแบบเรียลไทม์<br />
Travel Information : บริการตรวจสอบสายการบินในสหรัฐ รวมถึงรายงานสภาพอากาศของสนามบิน<br />
Weather : บริการตรวจสอบสภาพอากาศและการพยากรณ์อากาศในทุกรัฐของสหรัฐ<br />
Web Page Translation : บริการแปลหน้าเอกสารภาษาอังกฤษเป็นภาษาอื่น ๆ <br />
2. บริการในกลุ่ม Google Services<br />
Alerts : Answer : บริการแจ้งเตือนข่าวสารและผลการค้นหาผ่านอีเมล์แบบออนไลน์ บริการตอบคำถามให้คุณได้ทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ โดยนักวิจัยชื่อดังกว่า 500 คน<br />
Blog Search : บริการค้นหาหัวข้อเรื่องที่เป็น Blog<br />
Catalogs : ในประเด็นที่คุณสนใจ บริการค้นหารายการสินค้าที่คุณสนใจและต้องการจะสั่งซื้อผ่านระบบออนไลน์<br />
Directory : บริการค้นหาสาระสำคัญต่าง ๆ ที่อยู่บนเว็บไซต์<br />
Labs : บริการใหม่ ๆ ของ Google ที่คุณสามารถเข้าไปทดสอบใช้งานได้ฟรี ก่อนที่จะออกมาเป็นชุดเต็มของโปรแกรม<br />
Mobile : บริการหลักของ Google ที่สามารถนำไปใช้ได้กับเครื่องโทรศัพท์มือถือ เช่น บริการดัชนีค้นหาเอกสาร รูปภาพ หรือส่ง SMS<br />
News : บริการรายงานข้อมูลข่าวสารใหม่ ๆ จากทั่วทุกมุมโลกที่มีให้คุณได้อ่านก่อนใคร<br />
Scholar : บริการค้นหาเอกสารงานวิจัยใหม่ ๆ รวมทั้งบทคัดย่อจากห้องสมุดใหญ่ ๆ มากมาย<br />
Special Searches : บริการค้นหาประเด็นสาธารณะในส่วนที่เป็นองค์กร หรือว่าสถาบันที่ไม่หวังผลกำไรต่างๆ รวมถึงบริการค้นหาเว็บไซต์ของสถานศึกษาต่าง ๆ ที่มีรายละเอียดในเรื่องของหลักสูตรการสอนและระเบียบวิธีการเข้าศึกษาต่อทั้งในระดับโรงเรียนและมหาวิทยาลัย<br />
Video : บริการค้นหารายการทีวีทางโทรทัศน์ เกมโชว์ มิวสิควิดีโอ ที่คุณสามารถเช่าชั่วโมงมาดูกันแบบออนไลน์ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณ<br />
3. บริการในกลุ่ม Google Tools <br />
Blogger : เว็บไซต์ที่มีเครื่องมือสำหรับสร้าง Blogger ของคุณเอง<br />
Code : เครื่องมือสำหรับดาวน์โหลด APls และ Source code<br />
Desktop : เครื่องมือสำหรับช่วยค้นหาไฟล์และข้อมูลต่าง ๆ ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์<br />
Earth : เครื่องมือที่ทำให้คุณสามารถค้นหาแผนที่โลกจากดาวเทียม<br />
Gmail : บริการอีเมล์รุ่นทดสอบของ Google ที่มีความจุกว่า 2.6 กิกะไบต์<br />
Pack : ชุดเครื่องมือรวมฮิตของ Google รวมถึงบราวเซอร์สุดเก่ง<br />
Firetox Picasa : เครื่องมือสำหรับการบริหารและจัดการรูปภาพทั้งหมดที่มีอยู่ในคอมพิวเตอร์<br />
Local for Mobile : เครื่องมือสำหรับค้นหาแผนที่ของสถานที่ต่าง ๆ บนโทรศัพท์มือถือ<br />
Talk : เครื่องมือที่ทำให้คุณสามารถพูดคุย ส่งอีเมล์กับเพื่อนของคุณแบบเรียลไทม์ออนไลน์<br />
Toobar : กล่องเครื่องมือที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณสามารถเข้าไปค้นหาข้อมูลได้โดยตรง โดยไม่ต้องเข้าไปที่เว็บไซต์ของ Google <br />
Translate : เครื่องมือที่ทำให้คุณสามารถดูเว็บไซต์ได้หลาย ๆ ภาษา<br />
Labs : กลุ่มของชุดเครื่องมือใหม่ ๆ ของ Google ที่คุณสามารถเข้าไปทดลองดาวน์โหลดได้ฟรี <br />
<strong><span style="color: #b45f06;">แหล่งอ้างอิง</span></strong><br />
<div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhAiUaEAOSzfBf-atLM9zsvi4_vFJYzAGzdtLFsTz5EIOOLCmIZfMwYgk0Hv-u9a7wDgk8UxokwQRtvyQfdT8THvZjKRQ8tgRRRhqMs3d7kTxvW7OizptF4s6pxsyaiusu69NBMWCwwqtfo/s1600-h/p66.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; cssfloat: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" ps="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhAiUaEAOSzfBf-atLM9zsvi4_vFJYzAGzdtLFsTz5EIOOLCmIZfMwYgk0Hv-u9a7wDgk8UxokwQRtvyQfdT8THvZjKRQ8tgRRRhqMs3d7kTxvW7OizptF4s6pxsyaiusu69NBMWCwwqtfo/s200/p66.jpg" /></a><br />
</div><br />
<div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"> http://th.wikipedia.org/wiki<br />
</div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"> http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=3250f3be43ef9d75&clk=wttpcts<br />
</div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"> http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=48b973afa4cfab5c<br />
</div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"> http://www.google.co.th/advanced_search<br />
</div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"> http://www.vcharkarn.com<br />
</div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"> http://www.mindphp.com/modules.php?name=News&file=article&sid=70<br />
</div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"> http://www.thaiseoboard.com/index.php?topic=91026.0<br />
</div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"> http://mblog.manager.co.th/bunpodp/Google-3/<br />
</div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"> http://www.trueplookpanya.com/true/advance_search.php<br />
</div> http://intersearch.rd.go.th/search/HelpAdvance.aspx<br />
<div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"> http://learners.in.th/blog/meaw-3/116386<br />
</div> http://blog.gootum.com/wp-content/uploads/2008/08/google-nyc01.jpg<br />
<br />
http://blogoscoped.com/files/google-stones.jpg<br />
http://www.sevensheaven.nl/images/producten/illustration-illustratie_google-search_02.jpg<br />
http://www.fm100cmu.com/blog/ITWave/uploads/pic-virus.jpg<br />
http://www.nectec.or.th/courseware/internet/internet-tech/0001.html<br />
http://www.thepriority.net/images/services_bg.jpgUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-13957048049904097052009-12-12T19:00:00.002+07:002010-02-24T17:06:02.964+07:00ใบงานที่4<span style="color: #4c1130;"><strong>ใบงานครั้งที่ 4</strong></span><br />
<span style="color: #4c1130;"><strong>ให้นักศึกษาค้นหาและสังเคราะห์แนวคิดเป็นของตนเอง ซึ่งมีคำดังต่อไปนี้</strong></span><br />
<a name='more'></a><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiEf3f1D53ssS2dGE6CQMncULXkeDCvhp3eX_8AU3tDS5-LNWNECdn-C15XSRoZCNcbQ7avYaS9djT55yNco9eraDkGTYAmHFSHoXNXtv_xTuZO_bpj3XDSO6fJJo67QSgnZ8tdsY4kezk8/s1600-h/km.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; cssfloat: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" ps="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiEf3f1D53ssS2dGE6CQMncULXkeDCvhp3eX_8AU3tDS5-LNWNECdn-C15XSRoZCNcbQ7avYaS9djT55yNco9eraDkGTYAmHFSHoXNXtv_xTuZO_bpj3XDSO6fJJo67QSgnZ8tdsY4kezk8/s200/km.jpg" /></a><br />
<div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><br />
</div><span style="color: blue;"><strong>(1) การจัดการความรู้</strong></span><br />
<strong>การจัดการความรู้ (Knowledge Management : KM) </strong>เป็นเครื่องมือในการแปลงยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ การรวบรวมองค์ความรู้ที่มีอยู่ในองค์กร ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในตัวบุคคลหรือเอกสาร มาพัฒนาให้เป็นระบบ เพื่อให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงความรู้ และพัฒนาตนเองให้เป็นผู้รู้ รวมทั้งปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลให้องค์กรมีความสามารถในเชิงแข่งขันสูงสุด <br />
<strong>การจัดการความรู้</strong>คือ เครื่องมือ เพื่อการบรรลุเป้าหมายอย่างน้อย 4 ประการไปพร้อมๆ กัน ได้แก่ <br />
1. บรรลุเป้าหมายของงาน <br />
2. บรรลุเป้าหมายการพัฒนาคน <br />
3. บรรลุเป้าหมายการพัฒนาองค์กรไปเป็นองค์กรเรียนรู้ <br />
4. บรรลุความเป็นชุมชน เป็นหมู่คณะ ความเอื้ออาทรระหว่างกันในที่ทำงาน <br />
การจัดการความรู้เป็นการดำเนินการอย่างน้อย 6 ประการต่อความรู้ ได้แก่ <br />
1. การกำหนดความรู้หลักที่จำเป็นหรือสำคัญต่องานหรือกิจกรรมของกลุ่มหรือองค์กร<br />
2. การเสาะหาความรู้ที่ต้องการ <br />
3. การปรับปรุง ดัดแปลง หรือสร้างความรู้บางส่วน ให้เหมาะต่อการใช้งานของตน<br />
4. การประยุกต์ใช้ความรู้ในกิจการงานของตน <br />
5. การนำประสบการณ์จากการทำงาน และการประยุกต์ใช้ความรู้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และสกัด “ขุมความรู้” ออกมาบันทึกไว้ <br />
6. การจดบันทึก “ขุมความรู้” และ “แก่นความรู้” สำหรับไว้ใช้งาน และปรับปรุงเป็นชุดความรู้ที่ครบถ้วน ลุ่มลึกและเชื่อมโยงมากขึ้น เหมาะต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น<br />
การจัดการความรู้ที่ถูกต้องจะต้องเริ่มที่งานหรือเป้าหมายของงาน เป้าหมายของงานที่สำคัญ คือ การบรรลุผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินการตามที่กำหนดไว้ ที่เรียกว่า Operation Effectiveness ได้แก่<br />
- การสนองตอบ (Responsiveness)<br />
- การมีนวัตกรรม (Innovation) <br />
- ขีดความสามารถ (Competency)<br />
- ประสิทธิภาพ (Efficiency) <br />
<strong><span style="color: blue;">(2) ขั้นตอนการจัดการความรู้ </span></strong><br />
การจัดการความรู้ประกอบด้วย กระบวนการหลัก ๆ ได้แก่ การค้นหาความรู้ การสร้างและแสวงหา ความรู้ใหม่ การจัดความรู้ให้เป็นระบบ การประมวลผลและกลั่นกรองความรู้ การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ สุดท้ายคือ การเรียนรู้ และเพื่อให้มีการนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร เครื่องมือหลากหลายประเภทถูกสร้างขึ้นมาเพื่อนำไปใช้ในการถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนความรู้ ซึ่งอาจแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ<br />
1. เครื่องมือที่ช่วยในการ “เข้าถึง” ความรู้ ซึ่งเหมาะสำหรับความรู้ประเภท Explicit <br />
2. เครื่องมือที่ช่วยในการ “ถ่ายทอด “ ความรู้ ซึ่งเหมาะสำหรับความรู้ประเภท Tacit ซึ่งต้องอาศัยการถ่ายทอด โดยปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเป็นหลัก<br />
ในบรรดาเครื่องมือดังกล่าวที่มีผู้นิยมใช้กันมากประเภทหนึ่งคือ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ หรือชุมชน นักปฏิบัติ (Community of Practice : CoP)<br />
<strong> กระบวนการจัดการความรู้ (Knowledge Management)</strong> เป็นกระบวนการที่จะช่วยให้เกิดพัฒนาการของความรู้ หรือการจัดการความรู้ที่จะเกิดขึ้นภายในองค์กร มีทั้งหมด 7 ขั้นตอน คือ <br />
1. การบ่งชี้ความรู้ เป็นการพิจารณาว่าองค์กรมีวิสัยทัศน์ พันธกิจ ยุทธศาสตร์ เป้าหมายคืออะไร และเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เราจำเป็นต้องใช้อะไร ขณะนี้เรามีความรู้อะไรบ้าง อยู่ในรูปแบบใด อยู่ที่ใคร <br />
2. การสร้างและแสวงหาความรู้ เช่นการสร้างความรู้ใหม่ แสวงหาความรู้จากภายนอก รักษาความรู้เก่า กำจัดความรู้ที่ใช้ไม่ได้แล้ว <br />
3. การจัดความรู้ให้เป็นระบบ เป็นการวางโครงสร้างความรู้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเก็บความรู้อย่างเป็นระบบในอนาคต <br />
4. การประมวลและกลั่นกรองความรู้ เช่น ปรับปรุงรูปแบบเอกสารให้เป็นมาตรฐาน ใช้ภาษาเดียวกัน ปรับปรุงเนื้อหาให้สมบูรณ์ <br />
5. การเข้าถึงความรู้ เป็นการทำให้ผู้ใช้ความรู้เข้าถึงความรู้ที่ต้องการได้ง่ายและสะดวก เช่น ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) Web board บอร์ดประชาสัมพันธ์ เป็นต้น<br />
6. การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ ทำได้หลายวิธีการ โดยกรณีเป็น Explicit Knowledge อาจจัดทำเป็นเอกสาร ฐานความรู้ เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือกรณีเป็น Tacit Knowledge จัดทำเป็นระบบ ทีมข้ามสายงาน กิจกรรมกลุ่มคุณภาพและนวัตกรรม ชุมชนแห่งการเรียนรู้ ระบบพี่เลี้ยง การสับเปลี่ยนงาน การยืมตัว เวทีแลกเปลี่ยนความรู้ เป็นต้น <br />
7. การเรียนรู้ ควรทำให้การเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของงาน เช่นเกิดระบบการเรียนรู้จากสร้างองค์ความรู้ การนำความรู้ในไปใช้ เกิดการเรียนรู้และประสบการณ์ใหม่ และหมุนเวียนต่อไปอย่างต่อเนื่อง <br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh-5Xer14yVF2apOKl6Hmbz22IPIOBCybZdBXiYdmi3TzfA3G4Rdxt0TRsgde_IKCSUarSDHDg37aayMyteDzezH8gbHjTHF7k30UgXld_I1oCFKkhjc-diEcmv9SyqNE3Zx1FZKO-bsK2L/s1600-h/icondata.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; cssfloat: right; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" ps="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh-5Xer14yVF2apOKl6Hmbz22IPIOBCybZdBXiYdmi3TzfA3G4Rdxt0TRsgde_IKCSUarSDHDg37aayMyteDzezH8gbHjTHF7k30UgXld_I1oCFKkhjc-diEcmv9SyqNE3Zx1FZKO-bsK2L/s200/icondata.jpg" /></a><br />
</div><span style="color: blue;"><strong>(3) แหล่งข้อมูล</strong></span><br />
<strong>ข้อมูล หมายถึง</strong> ข้อเท็จจริง หรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ เช่น บุคคล สิ่งของ สถานที่ ฯลฯข้อมูลเป็นเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลต้องถูกต้องแม่นยำ ครบถ้วนขึ้นอยู่กับผู้ดำเนินการที่ให้ความสำคัญของความรวดเร็วของการเก็บข้อมูล<br />
แหล่งข้อมูลแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ <br />
<strong>1. แหล่งข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) </strong>หมายถึง ข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมหรือบันทึกจากแหล่งข้อมูลโดยตรง ซึ่งอาจจะได้จาก การสอบถาม การสัมภาษณ์ การสำรวจ และการจดบันทึก ตลอดจนการจัดหามาด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติ เช่น เครื่องอ่านรหัสแท่ง (บาร์โด้ด : Barcode) เครื่องอ่านแถบแม่เหล็ก<br />
<strong>2. แหล่งข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data)</strong> หมายถึง ข้อมูลที่มีการรวบรวมไว้เรียบร้อยแล้ว บางครั้งอาจมีการประมวลผลเป็นสารสนเทศ แล้ว เช่น สถิติการนำเข้าและส่งออกสินค้า เป็นต้น<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhAvF5niCZq9-RUIkAiUiJAFi8PDW4BazQPQcSZbBG0vvmbbzbC-95u4wpwo1TYsjU1OVcnBT3k4aFMJyMonDFY6vkMceUxQct8xZhjRiftiLlEo85zhC-PPtZ9mGhvRlsixvXBIjpSNgkG/s1600-h/logoweb.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; cssfloat: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" ps="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhAvF5niCZq9-RUIkAiUiJAFi8PDW4BazQPQcSZbBG0vvmbbzbC-95u4wpwo1TYsjU1OVcnBT3k4aFMJyMonDFY6vkMceUxQct8xZhjRiftiLlEo85zhC-PPtZ9mGhvRlsixvXBIjpSNgkG/s200/logoweb.jpg" /></a><br />
</div><strong><span style="color: blue;">(4) เครือข่ายการเรียนรู้</span></strong><br />
<strong>เครือข่ายการเรียนรู้ (Learning Network)</strong> หมายถึง การแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิด ข้อมูลข่าวสาร ประสบการณ์ และการเรียนรู้ระหว่างบุคคล กลุ่มบุคคล องค์การ และแหล่งความรู้ที่มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง จนเป็นระบบที่เชื่อมโยงกัน ส่งผลให้เกิดการเผยแพร่และการประยุกต์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อวัตถุประสงค์ทางวิชาชีพหรือทางสังคม <br />
<br />
<br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEieFr4xD5LPkgaZyJb6DOcmOrzsy2egUoKnvQjmX8NTgKI6LHZX4V8ocT22634fVqMx5dDH5FYn_ZLymw6jkrtscpKjhkmXGf270n0vv0Nrt_k5hkNhU9CI8TX4v6EW44yJ7SurYdGd5LXx/s1600-h/inforpic.gif" imageanchor="1" style="clear: left; cssfloat: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" ps="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEieFr4xD5LPkgaZyJb6DOcmOrzsy2egUoKnvQjmX8NTgKI6LHZX4V8ocT22634fVqMx5dDH5FYn_ZLymw6jkrtscpKjhkmXGf270n0vv0Nrt_k5hkNhU9CI8TX4v6EW44yJ7SurYdGd5LXx/s200/inforpic.gif" /></a><strong><span style="color: blue;">(5) สารสนเทศ</span></strong><br />
<strong>สารสนเทศ (Information )</strong> คือ ข้อมูล ข่าวสาร ข่าว ข้อเท็จจริง ความคิดเห็น หรือประสบการณ์ อยู่ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป เช่น ตัวอักษร ตัวเลข รูปภาพ เสียงสัญลักษณ์ หรือกลิ่น ที่ถูกนำมาผ่านกระบวนการประมวลผล ด้วยวิธีการที่ เรียก ว่า กรรมวิธีจัดการข้อมูล (Data Manipulation) และผลที่ได้อาจแสดงผลออกมาในรูปแบบของสื่อประเภทต่าง เช่น หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์ แผนที่ แผ่นใส ฯลฯ และเป็นผลลัพธ์ที่ผู้ใช้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกต้อง ตรงและทันกับความต้องการ<br />
<strong>ประโยชน์ของสารสนเทศ</strong><br />
1. ให้ความรู้ทำให้เกิดความคิดและความเข้าใ<br />
2. ใช้ในการวางแผนการบริหารงาน<br />
3. ใช้ประกอบการตัดสินใจ<br />
4. ใช้ในการควบคุมสถานการณ์ หรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น<br />
5. เพื่อให้การบริหารงานมีระบบ ลดความซ้ำซ้อน<br />
<br />
<strong><span style="color: #990000;">แหล่งที่มา</span></strong><br />
<a href="http://www.dopa.go.th/iad/km/km_des.html"><span style="color: black;">http://www.dopa.go.th/iad/km/km_des.html</span></a><br />
<a href="http://www.suanprung.go.th/km/tuna.htm"><span style="color: black;">http://www.suanprung.go.th/km/tuna.htm</span></a><br />
<a href="http://www.school.net.th/library/create-web/10000/generality/10000-5437.html"><span style="color: black;">http://www.school.net.th/library/create-web/10000/generality/10000-5437.html</span></a><br />
<a href="http://www.tistr.or.th/KM/index.php?option=com"><span style="color: black;">http://www.tistr.or.th/KM/index.php?option=com</span></a><br />
<a href="http://www.trang.psu.ac.th/learning2teach/index.php?option=com_content&task=view&id=60&Itemid=34"><span style="color: black;">http://www.trang.psu.ac.th/learning2teach/index.php?option=com_content&task=view&id=60&Itemid=34</span></a><br />
<a href="http://www.thaigoodview.com/library/contest2551/tech02/08/2/webit/p5.html"><span style="color: black;">http://www.thaigoodview.com/library/contest2551/tech02/08/2/webit/p5.html</span></a><br />
<a href="http://tsl.tsu.ac.th/file.php/1/courseware/aa_2/lesson02/lesson2-1.htm"><span style="color: black;">http://tsl.tsu.ac.th/file.php/1/courseware/aa_2/lesson02/lesson2-1.htm</span></a><span style="color: black;"> </span><a href="http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php"><span style="color: black;">http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php</span></a><br />
<span style="color: black;"><a href="http://learners.in.th/file/aum_sunshine/km.jpg">http://learners.in.th/file/aum_sunshine/km.jpg</a></span><br />
<a href="http://learners.in.th/file/aum_sunshine/km.jpghttp://plus.maths.org/issue23/features/data/data.jpg">http://learners.in.th/file/aum_sunshine/km.jpghttp://plus.maths.org/issue23/features/data/data.jpg</a><br />
<a href="http://a3.twimg.com/.../348817189/logo_for_twitter.jpg">http://a3.twimg.com/.../348817189/logo_for_twitter.jpg</a><br />
<a href="http://www.dovepket.moe.go.th/~dcphuket/home">http://www.dovepket.moe.go.th/~dcphuket/home</a>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-88634388225955129712009-12-12T17:41:00.002+07:002009-12-12T18:14:39.164+07:00สรุปความรู้วันที่ 28 พ.ย. 2552<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiOmtZQwMPg3iXbZZeWie4OZ_c_hXNuHs49PVnyOIlkJUntRSdfnsGEOCPSrjLWIl7F_ozLcgTDXKKvFylc1EKrzYFZ20yQ5wiVveCS8RcWue_NZY4GqjtE2vKLZxhujJGQckJvM1VDN2uQ/s1600-h/search-engines-uk.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; cssfloat: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" ps="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiOmtZQwMPg3iXbZZeWie4OZ_c_hXNuHs49PVnyOIlkJUntRSdfnsGEOCPSrjLWIl7F_ozLcgTDXKKvFylc1EKrzYFZ20yQ5wiVveCS8RcWue_NZY4GqjtE2vKLZxhujJGQckJvM1VDN2uQ/s200/search-engines-uk.jpg" /></a><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #f6b26b;"><strong>สรุปองค์ความรู้ที่ได้รับจากการเข้าชั้นเรียนสัปดาห์ที่ 4</strong></span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #f6b26b;"><strong>วันที่ 28 พฤศจิกายน 2552</strong></span><br />
</div><div style="text-align: center;"><span style="color: #f6b26b;"><strong>นางสาววันดี โต๊ะดำ รหัส 5246701075</strong></span><br />
</div><a name='more'></a><strong>อินเตอร์เน็ท</strong> : การสืบค้นข้อมูลอย่างหลากหลาย<br />
WWW (World Wide Web) คืออะไร<br />
- มีชื่อเรียกหลายแบบ ได้แก่ WWW, W3 หรือ Web<br />
- เป็นระบบสืบค้นข้อมูลข่าวสารในอินเทอร์เน็ต ที่นิยมมากและแพร่หลายที่สุด<br />
- ข้อมูลจะถูกเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์ที่มีอยู่มากมาย ผู้ต้องการใช้สามารถเข้าไปสืบค้นดูเองโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย<br />
- ข้อมูลในเวิลด์ไวด์เว็บ จะอยู่ในแบบมัลติมีเดีย ที่มีทั้งตัวอักษร รูปภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหวแบบวิดีโอ <br />
- โปรแกรม Internet Explorer-Internet Explorer เป็น Web browser ของบริษัท Microsoft พัฒนามาจาก NCSA Mosaic เช่นเดียวกับ Netscape Navigator <br />
- มีประสิทธิภาพสูง ใช้ง่าย มีฟังก์ชันการทำงานครบ คล้ายกับโปรแกรม Netscape Navigator<br />
- เป็นโปรแกรมที่จัดให้มาพร้อมกับโปรแกรม Windows<br />
- เป็น Web browser ที่ได้รับความนิยมสูงสุด<br />
<span style="color: #990000;">การเปิด Web site ที่ต้องการ</span><br />
- การไปยังเว็บที่ต้องการ ทำได้หลายวิธี<br />
- คลิกที่ช่อง Address พิมพ์ URL address ของเว็บไซต์ที่ต้องการติดต่อ แล้วกด Enter<br />
- IE จัดเก็บ address ที่เคยติดต่อหลังสุด 15 แห่งไว้ เราสามารถเรียกมาใช้ใหม่ได้จากการคลิกปุ่มสามเหลี่ยมทางขวาของช่อง Address <br />
- จากเมนู File เลือกคำสั่ง Open พิมพ์ URL address ของเว็บไซต์ที่ต้องการติดต่อ แล้วกด Enter หรือ คลิกปุ่ม Open<br />
<strong><span style="color: purple;">Search Engine</span></strong><br />
- Search Engine เป็นโปรแกรมช่วยค้นข้อมูลบน WWWโดยผู้ใช้กรอกคำ วลี หรือประโยคที่เราต้องการค้น (Keyword)<br />
- มีผู้จัดสร้างเว็บไซต์ขึ้นมา เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ ช่วยค้นสิ่งที่ต้องการได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว<br />
- ใน search engine จะมีโปรแกรมที่เรียกว่า crawlers หรือ robots หรือ spider ทำหน้าที่รวบรวม URL ของ เว็บเพจบน อินเทอร์เน็ต มาเก็บไว้ในฐานข้อมูลของตน เมื่อพบเว็บเพจใหม่ ที่ยังไม่มีโดยอัตโนมัติ<br />
- ควรใช้ search engine หลายโปรแกรมร่วมกัน เนื่องจากแต่ละโปรแกรมมีวิธีสืบค้นข้อมูลต่างกัน <br />
การสืบค้นข้อมูลในเครือข่ายเวิลด์ไวด์เว็บ<br />
- ข้อมูลที่สามารถสืบค้นได้อาจเป็น แฟ้มรูปภาพ แฟ้มภาพเคลื่อนไหว แฟ้มข้อมูลเสียง แฟ้มข้อมูลเอกสารประเภทต่างๆ ได้แก่ เอกสาร HTML เอกสาร Word เอกสาร pdf หรือ แฟ้มข้อมูลประเภทอื่นๆ<br />
- เมื่อผู้ใช้ต้องการค้นข้อมูลเรื่องใด ก็เพียงแต่สร้างการเชื่อมต่อไปยังเว็บของผู้ให้บริการสืบค้นข้อมูล (Search Engine) และพิมพ์คําสําคัญ (Keyword) ที่ต้องการใช้ในการค้นหา <br />
- โปรแกรมสืบค้นจะทําการตรวจสอบกับฐานข้อมูลที่มีอยู่และรายงานผลเป็น URL ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งตัวอย่างข้อความของเอกสารเว็บที่อยู่ใกล้กับคําสําคัญนั้น<br />
<strong><span style="color: #cc0000;">การสร้างลิงก์ข้อมูล โดยใช้โปรแกรม Microsoft Excel</span></strong><br />
การจัดแบ่ง Sheet หรือ File เพื่อจัดเก็บตารางข้อมูล <br />
ใน Workbook หรือ File สามารถแบ่งเป็น Sheet ได้ไม่จำกัด ขึ้นกับหน่วยความจำของ PC ที่ใช้ ซึ่งช่วยจัดแบ่งฐานข้อมูลออกเป็นเรื่องต่างๆแยกออกจากกัน ตารางข้อมูลต่างเรื่องแยกเก็บลงในต่าง Sheet กัน ถ้า File ที่จัดเก็บข้อมูลมีขนาดใหญ่มาก ก็สามารถแยกเก็บใน Sheet ของต่าง File กัน ผู้ที่คุ้นเคยกับการ Link ข้อมูลใน Excel จะทราบดีว่า ไม่ว่าข้อมูลจะเก็บไว้ในต่าง Sheet หรือต่าง File กันก็ตาม เราสามารถใช้ข้อมูลเหล่านั้นและสร้างสูตร Link กันได้เหมือนกับว่าข้อมูลทั้งหมดอยู่ใน Sheet เดียวกันนั่นเอง เมื่อใดจะแยกเก็บข้อมูลต่าง Sheet กัน และเมื่อใดจะแยกขึ้น File ใหม่ ขอให้พิจารณาดังนี้<br />
1. เก็บตารางข้อมูลลงไปใน Sheet แยกกันตามตารางฐานข้อมูลซึ่งจำเป็นตามหลักRelational Database ให้ใช้ Sheet หนึ่งสำหรับเก็บตารางข้อมูลเรื่องเดียวเท่านั้น <br />
2. อย่าแยก File ถ้าไม่จำเป็น <br />
3. บันทึกข้อมูลติดต่อกันลงไปในตารางข้อมูลเรื่องหนึ่งใน Sheet หนึ่งๆเรื่อยไป อย่าแยก Sheet ถ้าไม่จำเป็น เช่น บันทึกรายการขายสินค้าทั้งปีลงไปใน Sheet เดิม โดยไม่จำเป็นต้องแบ่งแยก Sheet จัดเก็บข้อมูลออกเป็นรายเดือน เป็น Sheet ละเดือนแต่อย่างใด <br />
4. ถ้าข้อมูลในตารางข้อมูลเรื่องหนึ่งๆมีปริมาณมาก ให้เลือกแยก File ดีกว่าแยก Sheet เพื่อช่วยลดปริมาณข้อมูลซึ่งต้องเปิดขึ้นมาใช้งานพร้อมกันในแต่ละครั้ง <br />
<span style="color: #783f04;">วิธีบริหารจัดการ Link</span><br />
ประโยชน์จากการ Link ที่เห็นได้ชัดที่สุด คือ ช่วยให้ไม่ต้องบันทึกข้อมูลซ้ำแล้วซ้ำอีก แทนที่จะต้องเตรียมข้อมูลเรื่องเดียวกันไว้ทุกชีท ขอเพียงสร้างตารางฐานข้อมูลส่วนกลางไว้ในชีทหนึ่ง จากนั้นจึงสร้างสูตร Link นำข้อมูลไปใช้ที่ใดต่อก็ได้ แถมไม่จำเป็นต้องเปิดไฟล์ต้นทางขึ้นมาใช้พร้อมกับไฟล์ปลายทาง ข้อมูลก็ยังมีให้ใช้งานเมื่อสร้างสูตร Link ข้ามไฟล์เป็นแล้ว ผู้ใช้ Excel จะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ ต่อเมื่อเข้าใจถึงที่ไปที่มาของข้อมูลในระบบการ Link ภายในโปรแกรม Excel และตัวผู้ใช้ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานใหม่ให้เข้ากับระบบการ Link อีกด้วย<br />
อ้างอิงภาพ<br />
http://www.welovebug.com/wp-content/uploads/2008/06/search-engines-uk.jpgUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-26867213683178845902009-12-05T23:34:00.003+07:002010-02-24T17:03:46.278+07:00ใบงานที่ 2งานชิ้นที่ 1 ให้นักศึกษาศึกษาข้อมูลจากสถานศึกษา<br />
ชื่อหน่วยงาน โรงเรียนบ้านหัวหิน<br />
สถานที่ตั้ง หมู่ที่ 6 ตำบลบ่อหิน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 2 <br />
ชื่อเรื่อง การจัดการนวัตกรรมและระบบสารสนเทศสำหรับสถานศึกษา<br />
แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการนวัตกรรมและสารสนเทศของสถานศึกษา<br />
แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการนวัตกรรม<br />
นวัตกรรมมีความสำคัญต่อการศึกษาหลายประการ ทั้งนี้เนื่องจากในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ Globalization มีการเปลี่ยนแปลงในทุกด้านอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความก้าวหน้าทั้งด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศการศึกษาจึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงจากระบบการศึกษาที่มีอยู่เดิม เพื่อให้ทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอีกทั้งเพื่อแก้ไขปัญหาทางด้านการศึกษาบางอย่างที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกันการเปลี่ยนแปลงทางด้านการศึกษาจึงจำเป็นต้องมีการศึกษาเกี่ยวนวัตกรรมการศึกษาที่จะนำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาทางด้านการศึกษาในบางเรื่อง เช่น ปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับจำนวนผู้เรียนที่มากขึ้นการพัฒนาหลักสูตรให้ทันสมัย การผลิตและพัฒนาสื่อใหม่ ๆขึ้นมาเพื่อตอบสนองการเรียนรู้ของมนุษย์ให้เพิ่มมากขึ้นด้วยระยะเวลาที่สั้นลงการใช้นวัตกรรมมาประยุกต์ในระบบการบริหารจัดการด้านการศึกษาก็มีส่วนช่วยให้การใช้ทรัพยากรการเรียนรู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง กล่าวโดยสรุปนวัตกรรมการศึกษาเกิดขึ้นตามสาเหตุใหม่ ๆ ดังต่อไปนี้<br />
1. การเพิ่มปริมาณของผู้เรียนในระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาเป็นไปอย่างรวดเร็วทำให้นักเทคโนโลยีการศึกษาต้องหานวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ เพื่อให้สามารถสอนนักเรียนได้มากขึ้น<br />
2. การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเป็นไปอย่างรวดเร็ว การเรียนการสอนจึงต้องตอบสนองการเรียนการสอบแบบใหม่ ๆที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้เร็วและเรียนรู้ได้มากในเวลาจำกัดนักเทคโนโลยีการศึกษาจึงต้องค้นหานวัตกรรมมาประยุกต์ใช้เพื่อวัตถุประสงค์นี้<br />
3. การเรียนรู้ของผุ้เรียนมีแนวโน้มในการเรียนรู้ด้วยตนเองมากขึ้นตามแนวปรัชญาสมัยใหม่ที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมการศึกษาสามารถช่วยตอบสนองการเรียนรู้ตามอัตภาพ ตามความสามารถของแต่ละคน เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน Computer Assisted Instruction หรือ CAI การเรียนแบบศูนย์การเรียน เป็นต้น <br />
4. ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีโทรคมนาคมมีส่วนผลักดันให้มีการใช้นวัตกรรมการศึกษาเพิ่มมากขึ้น เช่นเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ทำให้คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลง แต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมากเทคโนโลยีเครือข่ายคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต ทำให้เกิดการสื่อสารไร้พรมแดนนักเทคโนโลยีการศึกษาจึงคิดค้นหาวิธีการใหม่ ๆในการประยุกต์ใช้ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นฐานในการเรียนรู้ที่เรียกว่า "Web-based learning" ทำให้สามารถเรียนรู้ในทุกที่ทุกเวลาสำหรับทุกคน (Any where,Any time for Everyone)การใช้คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันเป็นไปอย่างกว้างขวางในวงการศึกษาคอมพิวเตอร์มิใช่เพียงแต่สิ่งอำนวยความสะดวกในสำนักงานเท่านั้นแต่ยังใช้เป็นสื่อหรือเป็นเครื่องมือสร้างสื่อได้อย่างสวยงามเหมือนจริง และรวดเร็วมากกว่าก่อนนักเทคโนโลยีการศึกษาจึงศึกษาวิจัยบทบาทของนวัตกรรมทางด้านการผลิตและการใช้สื่อใหม่ ๆตามศักยภาพของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่เพิ่มมากขึ้น เช่น คอมพิวเตอร์กราฟิก ระบบมัลติมีเดียวีดีโอออนดีมานด์ (Video-on-Demand) การประชุมทางไกล Teleconference) อี-เลินนิ่ง (e-learning) อี-เอ็ดดูเคชั่น (e-Education) เป็นต้น<br />
การนำนวัตกรรมไปใช้เพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา<br />
1.ด้านบริหารจัดการศึกษา ช่วยในการจัดเก็บข้อมูลของนักเรียน บุคลากร การบริหารงานทั้ง 4 งานให้เป็นปัจจุบันและประมวลผลให้เป็นสารสนเทศที่พร้อมใช้ประกอบการตัดสินใจของผู้บริหารโรงเรียนในการวางแผนพัฒนาการจัดการศึกษาให้บรรลุวัตถุประสงค์ต่อไป<br />
2.ด้านการวิจัย การนำนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนมาใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนเป็นการทำวิจัยที่อยู่ใกล้ตัวครูมากที่สุด เป็นการทำวิจัยปฏิบัติการ (action reserch) ที่ครูลงมือปฏิบัติเพื่อเกิดผลบวกกับนักเรียนเพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์หาสาเหตุและแนวทางแก้ไขต่อไป นอกจากนั้นโปรแกรมต่างๆก็ยังช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับการวิจัยของครูอีกด้วย <br />
3.การเรียนการสอน โดยใช้ CAI,E-learning เป็นการจัดการเรียนการสอนแบบใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของผู้เรียนทำให้เรียนสนใจและตื่นเต้นกับบทเรียนนั้น ๆ และเป็นการเรียนรู้ที่เป็นไปตามความพร้อมความสามารถของผู้เรียน<br />
4. ด้านบริการสังคม สารสนเทศที่ใหม่ ทันสมัย เป็นสิ่งที่คอยอำนวยความสะดวกในการนำข้อมูล สถิติด้านต่าง ๆที่มีอยู่มาประยุกต์ใช้บริการสังคมได้อย่างมั่นใจ สามารถนำมาประกอบการให้คำปรึกษาทางวิชาการแก่สังคมได้ด้วยทั้งนี้ นวัตกรรมและสารสนเทศจะมีบทบาทมากน้อยเพียงใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าจะยอมรับนวัตกรรมนั้นๆแค่ใหน ถ้าหากลักษณะของบุคลากรในโรงเรียนยอมรับมาก ก็จะมีบทบาทมากแต่ถ้าบุคลากรในโรงเรียนเป็นกลุ่มที่ล้าหลัง ไม่ค่อยยอมรับนวัตกรรมใหม่ ๆ มันก็จะไม่มีบทบาทอะไรเลย <br />
แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการระบบสารสนเทศของสถานศึกษา<br />
ระบบสารสนเทศของสถานศึกษา คือระบบสารสนเทศที่ใช้ในการจัดการข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในสถานศึกษา โดยการจัดเก็บข้อมูลเชิงรายการและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ มีโปรแกรมในการการประมวลผล ผลลัพธ์ที่ได้เป็นรายงานที่ใช้ในการจัดการ ได้แก่ <br />
1) ระบบสารสนเทศพื้นฐานของสถานศึกษา ประกอบด้วยข้อมูลและสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับศักยภาพของสถานศึกษา สภาพเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ความต้องการของชุมชน สภาพการบริหารและแนวทางการจัดการศึกษาตามโครงสร้างและภารกิจ เช่น ข้อมูลทั่วไปของสถานศึกษา ศักยภาพของสถานศึกษา ความต้องการของชุมชน แนวโน้มการพัฒนาท้องถิ่น แนวทางการจัดการศึกษา การมีส่วนร่วมของคณะกรรมการสถานศึกษา<br />
2) ระบบสารสนเทศเกี่ยวกับผู้เรียน ประกอบด้วยข้อมูลและสารสนเทศเกี่ยวกับผู้เรียนทั้งหมด เช่น ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้เรียน ผลงานและการแสดงออกของผู้เรียน รูปแบบการเรียนรู้ของผู้เรียน<br />
3) ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารงานวิชาการ ประกอบด้วยข้อมูลและสารสนเทศเกี่ยวกับหลักสูตรและการเรียนการสอน การวัดผลและการประเมินผลการเรียน การพัฒนากิจกรรมแนะแนว การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การวิจัยในชั้นเรียน<br />
4) ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ ประกอบด้วยข้อมูลและสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับสภาพการบริหารและการจัดการ สภาพและบรรยากาศการเรียนรู้ ทรัพยากรและสิ่งอำนวยความสะดวก การพัฒนาวิชาชีพ สุขภาพอนามัย การจัดการแหล่งเรียนรู้ การพัฒนาวิชาชีพ ความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษากับผู้ปกครองและชุมชน <br />
องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ<br />
ระบบสารสนเทศไม่ได้เพียงหมายความถึงเพียงระบบคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่การใช้ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพนั้น ผู้บริหารจำเป็นต้องเข้าใจองค์ประกอบของระบบ 3 ด้าน ได้แก่ ข้อมูลสารสนเทศ องค์การและการจัดการ รวมทั้งเทคโนโลยีและอุปกรณ์ด้วย<br />
1. ข้อมูลสารสนเทศ ได้แก่ <br />
1.1 ข้อมูลรายละเอียด ที่นำมาใช้ในการบริหารจัดการระดับย่อย ระเบียบข้อบังคับ ต่างๆ เช่น การจัดซื้อหนังสือ ตำรา วารสาร เป็นต้น<br />
1.2 ข้อมูลสรุป ได้แก่ การรวบรวมข้อมูลดิบมาวิเคราะห์สังเคราะห์ เพื่อดูแนวโน้มทิศทาง เช่น วารสารบางฉบับมีปัญหาไม่มีความเคลื่อนไหว ยืม-คืน ผู้บริหารจะต้องหาทางแก้ไขจัดการ<br />
1.3 ข้อมูลพิเศษ เช่นการรายข้อมูลเฉพาะที่ต้องการ อาจเป็นการรายงานการยืม-คืน หนังสือ ความต้องการในการใช้วารสารของผู้ใช้บริการ หนังสือ ตำรา หรือวารสารที่มีความถี่ในการใช้งาน ต่ำหรือสูง<br />
2. องค์กรและการบริหารจัดการ โดยทั่วต้องประกอบด้วยบุคลากร โครงสร้างการบริหารงานองค์กร เพื่อแบ่งแยกหน้าที่ที่ชัดเจนตามภาระงานต่างๆ เช่น ฝ่ายการเงิน ฝ่ายพัสดุ ฝ่ายบุคคล ฝ่ายบริการ ฝ่ายผลิต ฝ่ายซ่อมบำรุง เป็นต้น โดยอาศัยโครงสร้างเป็นแกนกลางในการปฏิบัติงานตามลำดับขั้นตอนสายงาน<br />
3. เทคโนโลยีและอุปกรณ์ เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาระบบสารสนเทศ เพื่อการจัดการ ซึ่งรวมถึง ซอฟท์แวร์โปรแกรม ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ระบบเครือข่ายและการสื่อสาร ที่เชื่อมโยงระบบเหล่านี้เข้าด้วยกัน เพื่อการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ<br />
<strong> วิสัยทัศน์</strong><br />
บูรณาการเทคโนโลยีอย่างมีระบบ ครบถ้วนก้าวล้ำนวัตกรรม นำสู่ระบบดีโรงเรียนมีคุณภาพ<br />
<br />
<strong> ยุทธศาสตร์ </strong> <br />
<br />
ปฏิรูปการบริหารจัดการและการเรียนรู้โดยประยุกต์ใช้สื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้การดำเนินงานการจัดการศึกษาของโรงเรียนบรรลุตามเกณฑ์คุณภาพมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน<br />
บริบทของสถานศึกษา<br />
สภาพทั่วไป<br />
โรงเรียนบ้านหัวหิน ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลบ่อหิน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 2 โรงเรียนบ้านหัวหิน มีพื้นที่ทั้งสิ้น 7 ไร่ 27 ตารางวา เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6<br />
ประวัติสถานศึกษา<br />
โรงเรียนบ้านหัวหินจัดตั้งขึ้นเนื่องจากเด็กในท้องถิ่นต้องเดินทางไปศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียนบ้านพรุจูด และโรงเรียนบ้านดุหุน ซึ่งเป็นระยะทางไกล และต้องข้ามแม่น้ำทำให้ลำบากมาก จึงได้มีบุคคลคนหนึ่ง คือ นายเกลื่อม ดำมีศรี ได้ชวนสมัครพรรคพวกจัดสร้างโรงเรียนขึ้น ณ ที่นี้ ซึ่งเป็นที่ดินป่าช้าเก่า และที่ดินของ นายมาศ คนเที่ยง ได้ร่วมกันคิดอีกจึงเป็นอันตกลงได้ สร้างโรงเรียนขึ้นมา แต่ยังไม่สำเร็จยังขาดฝากั้น จึงได้มีคณะนักศึกษาอาสาพัฒนาจากคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาสร้างอาคารให้เป็นอาคารถาวร แบบ ป 1ก. จำนวน 3 ห้องเรียน ได้รับเงินสนับสนุนจากผู้มีจิตศรัทธาหลายฝ่าย เป็นเงินค่าก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 80,000 บาท โดยไม่มีงบประมาณของทางราชการ อาคารหลังนี้ได้สร้างขึ้นด้วยความร่วมมือของหลายฝ่าย คือ คณะนักศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เยาวชนอาสาสมัคร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชน การจัดสร้างอาคารเรียนนี้ ได้มีบุคคลที่เป็นกำลังสำคัญคือ นายมาศ คนเที่ยง ได้บริจาค ที่ดิน 6 ไร่เศษ คิดเป็นเงิน 4,000 บาท นายประสิทธิ์ คงมีสุข นายประกิต รัตตมณี และนายรื่น มากนคร ซึ่งบุคคลเหล่านี้เป็นบุคคลที่สำคัญยิ่งในการจัดตั้งโรงเรียน โรงเรียนได้เปิดทำการเรียนการสอน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2515 เวลา 10.00 น. ตรงกับขึ้น 5 ค่ำ เดือน 8 ปีชวด ในการเปิดเรียนนั้น มีเด็กเข้าศึกษาเล่าเรียน ทั้งที่เกณฑ์เข้าใหม่ และย้ายมาจากโรงเรียนอื่น ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 4 รวมทั้งสิ้น 34 คน มีนายมางก์ ศรีสมัย เป็นครูใหญ่และเป็นครูเพียงคนเดียวในโรงเรียน ปัจจุบันโรงเรียนบ้านหัวหินจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษาถึงระดับประถมศึกษา <br />
วิสัยทัศน์ (VISION)<br />
นักเรียนมีคุณภาพตามวัย ก้าวไกลทางวิชาการ สถานศึกษาน่าอยู่ พัฒนาคู่ชุมชน <br />
บุคลากรทุกคนพัฒนาตนสู่มืออาชีพ<br />
พันธกิจ ( MISSION)<br />
1. จัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับวัยและผู้เรียนมีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานการศึกษา<br />
2. พัฒนาสิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียนให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่เอื้อต่อการจัดการศึกษา โดยความร่วมมือของชุมชน<br />
3. เพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถในการจัดการเรียนรู้<br />
คำขวัญ <br />
“ประพฤติดี มีวินัย ใฝ่ศึกษา”<br />
<br />
โครงสร้างการบริหารงาน<br />
โรงเรียนบ้านหัวหินจัดโครงสร้างการบริหารงาน โดยแบ่งออกเป็น 4 งาน ได้แก่ งานบริหารทั่วไป งานบริหารบุคลากร งานบริหารงบประมาณและงานวิชาการ โดยได้มีการแต่งตั้งให้ครูรับผิดชอบทุกงาน นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียน ร่วมกำหนดแผนพัฒนาโรงเรียน ดังแผนภูมิ<br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhVIOzogt9uLudNN8iLM-lHn90KOyHI1Y19FOtcmF4r6J2Fxu0eXt7Rj2NXxg1OU4m7PycLeOLZiwP3r-ytYr5ZBhtafTHFtpAakaUGIhRAjz0xJPFSSe91jW3jCSD1EF8mlrDAh_7oArB9/s1600/g1.bmp"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 226px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhVIOzogt9uLudNN8iLM-lHn90KOyHI1Y19FOtcmF4r6J2Fxu0eXt7Rj2NXxg1OU4m7PycLeOLZiwP3r-ytYr5ZBhtafTHFtpAakaUGIhRAjz0xJPFSSe91jW3jCSD1EF8mlrDAh_7oArB9/s320/g1.bmp" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5408788060306004802" /></a><br />
สภาพชุมชนโดยรวม<br />
1) สภาพชุมชนรอบบริเวณโรงเรียนมีลักษณะเป็นพื้นราบ โรงเรียนมีเขตบริการประกอบด้วย 2 หมู่บ้าน คือหมู่ที่ 6, 8 ตำบลบ่อหิน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ชุมชนในเขตบริการอยู่ติดกับชายฝั่งทะเลอันดามัน มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ คือ หาดหัวหิน และหาดคลองสน ซึ่งมีทัศนียภาพที่สวยงาม ชายหาดและน้ำสะอาด <br />
2) ประชากรส่วนใหญ่ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ประมง และรับจ้าง ฐานะทางเศรษฐกิจของประชาชนโดยรวมอยู่ในระดับยากจน<br />
3) ประชากรส่วนใหญ่ในเขตบริการ นับถือศาสนา 2 ศาสนา ดังนี้ ศาสนาพุทธ จำนวน 62 ครอบครัว ศาสนาอิสลาม จำนวน 165 ครอบครัว ศาสนสถาน มีมัสยิด 1 แห่ง<br />
4) ผู้ปกครองส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 6 <br />
5) โอกาสและข้อจำกัดของโรงเรียน โรงเรียนบ้านหัวหินประกอบด้วยเขตบริการ 2 หมู่บ้าน คือ หมู่ 6, 8 ตำบลบ่อหิน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ชุมชนในเขตบริการอยู่ติดกับชายฝั่งทะเลอันดามัน มีแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญคือ ป่าชายเลน มัสยิด แหล่งผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น (จักสานเตยปาหนัน) ยังไม่ได้พัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ที่เป็นระบบ ยังเป็นแหล่งเรียนรู้โดยสภาพจริง ผู้ปกครองและชุมชนให้ความร่วมมือในการพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนเป็นอย่างดี<br />
ข้อจำกัดของโรงเรียน เนื่องจากโรงเรียนอยู่ติดกับชายฝั่งทะเลทำให้สาธารณูปโภคบางอย่างไม่สะดวก เช่น น้ำประปา โทรศัพท์ซึ่งสัญญาณไม่ดีทำให้การเรียนรู้ทางอินเตอร์เน็ตของนักเรียนขาดความคล่องตัว นอกจากนั้นแล้วขาดครูผู้สอนในวิชาเอกเฉพาะ เช่น ภาษาอังกฤษ ศิลปะ คณิตศาสตร์ และภาษาไทย<br />
โครงสร้างหลักสูตร<br />
โรงเรียนบ้านหัวหิน จัดสอนตามหลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2544 ได้ดำเนินการสอนทั้งสองช่วงชั้น ได้แก่ ช่วงชั้นที่1 (ป.1 - ป.3) และช่วงชั้นที่สอง (ป.4 - ป.6) โครงสร้างหลักสูตร ดังนี้ <br />
<br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgSzLzLJpkgdDMpVfsEHgoNzlDFeDfYebx-kW35HVu198vicn0Ush7cWxhoRwnFgiMn2Z0Sb7fFwd8PLA79Qb5pyiRsEfvAp3nMUOFlh4AAYKYflrC0dUc_QmfiUCr-G7A-lqjgJv3RtXhu/s1600/g2.bmp"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 196px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgSzLzLJpkgdDMpVfsEHgoNzlDFeDfYebx-kW35HVu198vicn0Ush7cWxhoRwnFgiMn2Z0Sb7fFwd8PLA79Qb5pyiRsEfvAp3nMUOFlh4AAYKYflrC0dUc_QmfiUCr-G7A-lqjgJv3RtXhu/s320/g2.bmp" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5408789594681893266" /></a><br />
ข้อมูลนักเรียน<br />
ปีการศึกษา 2552 โรงเรียนบ้านหัวหิน ได้จัดการศึกษาตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษาถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 8 ห้องเรียน มีนักเรียนทั้งหมด 135 คน (ข้อมูล 10 มิถุนายน 2552) มีรายละเอียดดังนี้<br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiRbQ8hy9neFcAVyZUHDahYvoXw0xvmHJ7dTfivET1QeOydJXazuac6qrpsjOKjr1h6acdFlV-VEiSxMxbYNC94Xho1CEFnKFQZEOPI9miNPyu_jKqFENQCQNgs_HU6wIMiBQH2O27nvmSu/s1600/g3.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 216px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiRbQ8hy9neFcAVyZUHDahYvoXw0xvmHJ7dTfivET1QeOydJXazuac6qrpsjOKjr1h6acdFlV-VEiSxMxbYNC94Xho1CEFnKFQZEOPI9miNPyu_jKqFENQCQNgs_HU6wIMiBQH2O27nvmSu/s320/g3.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5408790484428814914" /></a><br />
ข้อมูลบุคลากร<br />
รายละเอียดเกี่ยวกับผู้บริหาร ครู และบุคลากร มีดังนี้ <br />
1. ผู้บริหาร ชื่อ นายมางก์ ศรีสมัย วุฒิทางการศึกษาสูงสุด ปริญญาตรี สาขา การบริหารการศึกษา ดำรงตำแหน่งที่โรงเรียนนี้ตั้งแต่ พ.ศ. 2540 จนถึงปัจจุบัน<br />
2. จำนวนบุคลากรในโรงเรียน มีรายละเอียดดังตาราง (ข้อมูล 10 พฤศจิกายน 2552) <br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiodZdWrhegWukpD97qmIBcqbB8dN7JCZc1ypzc9T5mCFdaVMNRpLJgwxvQXSlJ_dlRhD_tZX8DV8ZsAhq1jQl31g4gofU1uKIWcgb-WmVUraAUa4aZlPSLy4NgOHto2MzgWP_5pOS6BKOP/s1600/g4.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 180px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiodZdWrhegWukpD97qmIBcqbB8dN7JCZc1ypzc9T5mCFdaVMNRpLJgwxvQXSlJ_dlRhD_tZX8DV8ZsAhq1jQl31g4gofU1uKIWcgb-WmVUraAUa4aZlPSLy4NgOHto2MzgWP_5pOS6BKOP/s320/g4.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5408791145140191986" /></a><br />
3. ครูสอนวิชาตรงตามวิชาเอก จำนวน 3 คน (คิดเป็นร้อยละ 37.50)<br />
ครูสอนวิชาตรงความถนัด จำนวน 5 คน (คิดเป็นร้อยละ 62.50)<br />
ข้อมูลทรัพยากร<br />
โรงเรียนมีอาคารสถานที่เพื่อดำเนินการพัฒนาคุณภาพการศึกษาดังนี้<br />
อาคารเรียน จำนวน 3 หลัง 8 ห้องเรียน<br />
อาคารประกอบ จำนวน 5 หลัง ได้แก่<br />
- อาคารอเนกประสงค์ 1 หลัง <br />
- ห้องน้ำห้องส้วม 1 หลัง (4 ที่)<br />
- ที่ปัสสาวะชาย 1 ที่<br />
- ศูนย์วิชาการ 1 หลัง <br />
- ห้องพยาบาล 1 ห้อง<br />
- ห้องสหกรณ์ 1 ห้อง <br />
สถานที่จัดกิจกรรม<br />
- สนามเด็กเล่น<br />
- สนามกีฬา ได้แก่ สนามฟุตบอล สนามวอลเลย์บอล และสนามเซปัคตะกร้อ<br />
- แปลงปลูกผักสวนครัว<br />
- แปลงเตยปาหนัน<br />
- เรือนเพาะชำ<br />
- เตาเผาขยะ<br />
- แปลงสมุนไพร<br />
- สวนคณิตศาสตร์<br />
ข้อมูลด้านแหล่งเรียนรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น<br />
ปราชญ์ชาวบ้าน / ภูมิปัญญาท้องถิ่น / ผู้ทรงคุณวุฒิที่สถานศึกษาเชิญมาให้ความรู้แก่ครูและนักเรียน ในปีการศึกษานี้ ได้แก่<br />
1. นางบุหลัน หยีหาสัน ให้ความรู้เรื่องการจักสานเตยปาหนัน<br />
2. นางนุชรี รักสะอาด ให้ความรู้เรื่องการจักสานเตยปาหนัน<br />
3. นางบุอะ หยีหาสัน ให้ความรู้เรื่องการจักสานเตยปาหนัน<br />
4. นายดำ หยีหาสัน ให้ความรู้เรื่องการดูแล การตัดเตยปาหนัน<br />
5. นายเพิง รำภา ให้ความรู้เรื่องดนตรีของลิเกป่า<br />
6. นางอนงค์ ช่วยทุกข์เพื่อน ให้ความรู้เรื่องการร่ายรำและการขับบทละครผู้หญิงของ<br />
ลิเกป่า<br />
7. นางเพี้ยน พูลผล ให้ความรู้เรื่องการขับบทละครผู้ชาย ตัวแสดงชายของลิเกป่า<br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiasba_UAVnaAIe1GcmOyH4gVH_LCDgRk_c-t0iaodGSceWtFwBVkQ-xuSPq-2G6Ua7AurJXGoN9zJjO6VKkvXG7Wgppsfqf58LFOaf-xpnd4A-BoL3jhFmdvFQmFl0R1uF33lCEW44PnZz/s1600/g5.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 250px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiasba_UAVnaAIe1GcmOyH4gVH_LCDgRk_c-t0iaodGSceWtFwBVkQ-xuSPq-2G6Ua7AurJXGoN9zJjO6VKkvXG7Wgppsfqf58LFOaf-xpnd4A-BoL3jhFmdvFQmFl0R1uF33lCEW44PnZz/s320/g5.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5408791911238540370" /></a><br />
สภาพปัญหาหรือสิ่งที่ต้องการพัฒนา<br />
1. ปัญหาการจัดระบบสารสนเทศในโรงเรียนมีข้อมูลสารสนเทศไม่เพียงพอหรือให้ข้อมูลไม่ทันต่อการใช้งาน และปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือ บุคลากรขาดความรู้ความเข้าใจในการจัดระบบสารสนเทศ<br />
2. ปัญหาขาดบุคลากรทำหน้าที่จัดระบบสารสนเทศโดยเฉพาะ งบประมาณด้านวัสดุครุภัณฑ์ในการจัดซื้ออุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศไม่เพียงพอ เทคโนโลยีสื่อสารส่วนใหญ่ใช้โทรศัพท์และไม่มีเครือข่ายข้อมูลสำหรับเชื่อมโยงการใช้ข้อมูลสารสนเทศภายในโรงเรียน การใช้ข้อมูลทาง internet ส่วนใหญ่มีการใช้ข้อมูลสารสนเทศในการวางแผนและการตัดสินใจในงานวิชาการ ปัญหาที่สำคัญของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ คือ ขาดงบประมาณและบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ขาดวัสดุอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งผู้บริหารโรงเรียนมีความคิดเห็นว่า มีความต้องการสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างมาก<br />
3. บุคลากรในโรงเรียนส่วนใหญ่เป็นครูสายปฏิบัติการสอน มีความรู้เฉพาะในเนื้อหาที่ตนสอน ไม่เคยผ่านการอบรมในด้านเทคนิคและวิธีวิเคราะห์ระบบสารสนเทศมาก่อน เมื่อผู้บริหารต้องการเก็บข้อมูลก็มอบหมายให้ครู-อาจารย์ดังกล่าวดำเนินการ จึงทำให้ผลปฏิบัติงานไม่ดีเท่าที่ควร สารสนเทศที่ผลิตได้จากระบบไม่สนองวัตถุประสงค์ของโรงเรียน<br />
<br />
<br />
นางสาววันดี โต๊ะดำ (ผู้ให้ข้อมูล)Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-46164521411717944722009-11-28T13:17:00.004+07:002009-11-28T14:43:25.489+07:00เสวนาผู้บริหารมืออาชีพเสวนาผู้บริหารมืออาชีพ<br />วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552<br />ณ ศูนย์วัฒนธรรม มหาวิทยาลัยสถาบันราชภัฏนครศรีธรรมราช<br />ผู้ร่วมเสวนา<br />1. ผอ. กรีฑา วีระพงศ์ ผู้ำอำนวยการโรงเรียนท่าศาลาประสิทธิ์ศึกษา<br />2. ผอ. ประพงศ์ ชูตรัง<br />3. ผศ. ตรีพล เจาะจิตต์<br />4. ผอ. ณรงค์ สุทธิภักดี<br />5. ผอ. ประวันชัย เต็งทอง<br />ประเด็นแรก คุณลักษณะที่จำเป็นของผู้บริหารมืออาชีพ<span style="font-weight:bold;"></span><br /> ตามความเห็นของท่านผอ.ตรีพล มีความเห็นว่า ผู้บริหารมืออาชีพ ต้องเก่ง 3 ประการ ได้แก่<br />1. เก่ง<br />2. บริหารบุคลากรเก่ง<br />3. ยึดหลักธรรมาภิบาล<br /> ตามความเห็นของผอ.กรีฑา มีความเห็นว่า จุดหมายของชีวิตคือ พัฒนาคุณสมบัติของตนเองให้เป็นคุณสมบัติของตนเองให้เป็นคุณสมบัติที่ดี<br /> ผู้บริหารต้องเป็นจอมยุทธ มีหลักการบริหารจัดการแบบโปร่งใส ตามหลักธรรมาภิบาล<br /> ตามความคิดเป็นของ ผอ. วันชัย มีความเห็นว่า ผู้บริหารมืออาชีพต้องมี<br />1. มีภูมิ คือ * ภูมิรู้ ได้แก่ ต้องรู้จริง รู้ลึก รู้กว้าง (บางอย่างรู้แล้วต้องนิ่ง บางอย่างรู้แล้วต้องขยายผล)<br /> รู้อย่างมืออาชีพ คือต้องรู้จากบนลงล่าง<br /> รู้หลักการบริหารจัดการที่ดี <br /> และต้องมีความสามารถพิเศษรอบด้าน<br /> * ภูมิธรรม ต้องมีคุณธรรมประจำใจ มีหลักคิด หลักคุณธรรมประจำตน เพื่อ ครองตน ครองคน ครองงาน<br /> * ภูมิฐาน บุคลกิดี <br /> คำคม มาดต้องตา วาจาต้องใจ ภายในยอดเยี่ยม เปี่ยมใจก่อนจาก<br /> ตามความเห็นของ ผอ.ณรงค์ ให้ความเห็นว่า ผู้บริหารมืออาชีพ ต้องทบทวนตนเอง "รู้สึก นึก คิด"<br />รู้สึก คือ การเตือนสติ ว่าปัจจุบันทำอะไร<br />นึก คือ ว่าทำอะไรผิดพลาดบ้าง<br />ผิด คือ จำทำอเะไรต่อไปข้างหน้า<br /> ดังคำกล่าวของขงจื้อ ศึกษาแล้วไม่ได้คิดเสียเวลาเปล่า คิดโดยไม่ได้เรียนน่ากลัวกว่า<br />ผู้บริหารต้องบริหารคน ดังนั้น "คน" ผู้บริหารมืออาชีพต้องเป็น "คน" ดังนี้Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-28451751044130858302009-11-27T21:42:00.007+07:002009-12-12T17:06:27.185+07:00สรุปความรู้วันที่ 21 พ.ย. 2552สรุปองค์ความรู้ที่ได้รับจากการเข้าชั้นเรียนสัปดาห์ที่ 3<br />
วันที่ 21 พฤศจิกายน 2552<br />
นางสาววันดี โต๊ะดำ รหัส 5246701075<br />
แนวคิดและกลยุทธ์ในการสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้<br />
<br />
การจัดการความรู้ (Knowledge Management : KM) เป็นเครื่องมือในการแปลงยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ การรวบรวมองค์ความรู้ที่มีอยู่ในองค์กร ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในตัวบุคคลหรือเอกสาร มาพัฒนาให้เป็นระบบ เพื่อให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงความรู้ และพัฒนาตนเองให้เป็นผู้รู้ รวมทั้งปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลให้องค์กรมีความสามารถในเชิงแข่งขันสูงสุด <br />
การจัดการความรู้คือ เครื่องมือ เพื่อการบรรลุเป้าหมายอย่างน้อย 4 ประการไปพร้อมๆ กัน ได้แก่ <br />
1. บรรลุเป้าหมายของงาน <br />
2. บรรลุเป้าหมายการพัฒนาคน <br />
3. บรรลุเป้าหมายการพัฒนาองค์กรไปเป็นองค์กรเรียนรู้ และ<br />
4. บรรลุความเป็นชุมชน เป็นหมู่คณะ ความเอื้ออาทรระหว่างกันในที่ทำงาน <br />
การจัดการความรู้เป็นการดำเนินการอย่างน้อย 6 ประการต่อความรู้ ได้แก่ <br />
1. การกำหนดความรู้หลักที่จำเป็นหรือสำคัญต่องานหรือกิจกรรมของกลุ่มหรือองค์กร<br />
2. การเสาะหาความรู้ที่ต้องการ <br />
3. การปรับปรุง ดัดแปลง หรือสร้างความรู้บางส่วน ให้เหมาะต่อการใช้งานของตน<br />
4. การประยุกต์ใช้ความรู้ในกิจการงานของตน <br />
5. การนำประสบการณ์จากการทำงาน และการประยุกต์ใช้ความรู้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และสกัด “ขุมความรู้” ออกมาบันทึกไว้ <br />
6. การจดบันทึก “ขุมความรู้” และ “แก่นความรู้” สำหรับไว้ใช้งาน และปรับปรุงเป็นชุดความรู้ที่ครบถ้วน ลุ่มลึกและเชื่อมโยงมากขึ้น เหมาะต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น<br />
การจัดการความรู้ที่ถูกต้องจะต้องเริ่มที่งานหรือเป้าหมายของงาน เป้าหมายของงานที่สำคัญ คือ การบรรลุผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินการตามที่กำหนดไว้ ที่เรียกว่า Operation Effectiveness ได้แก่<br />
- การสนองตอบ (Responsiveness)<br />
- การมีนวัตกรรม (Innovation) <br />
- ขีดความสามารถ (Competency)<br />
- ประสิทธิภาพ (Efficiency) <br />
บทบาทใหม่ของการบริหารทุนมนุษย์<br />
การบริหารทุนมนุษย์ (Human Capital Management) ต่างจากการบริหารทรัพยากรบุคคล ตรงที่เน้นความสำคัญของคุณค่าหรือมูลค่าของคนและสิ่งที่คนในองค์กรผลิตหรือสร้างขึ้นมา แต่ไม่ได้เน้นหน้าที่ด้านการบริหารงานบุคคล ดังนั้น การบริหารทุนมนุษย์จึงเกี่ยวข้องกับการประเมินผลกระทบของกระบวนวิธีการบริหารทรัพยากรบุคคล (Imeact of People Management Practice) และความทุ่มเทพยายามของคนต่อความสำเร็จขององค์กร มืออาชีพหลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่าการบริหารทรัพยากรบุคคลหมดความสำคัญ และอาจจะไม่จำเป็นต้องทำไป แต่อย่างไรหน้าที่ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลก็ยังคงอยู่ต่อไป แต่ต้องทำอย่างมืออาชีพมากยิ่งขึ้น และต้องมีการปรับบทบาทการบริหารทรัพยากรบุคคลเสียใหม่ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ซึ่งมีแนวคิดดังนี้<br />
1. การสร้างขีดความสามารถเชิงกลยุทธ์ให้กับองค์กร (Build Strategic capability)<br />
2. ขีดความสามารถในการสร้างคุณค่าจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ในองค์กร (The capacity to create value based on intangible assets of the firm)<br />
3. ทุนมนุษย์ ทุนโครงสร้าง ทุนความสัมพันธ์ <br />
4. สินทรัพย์ซึ่งจับต้องไม่ได้ เป็นตัวชี้ความสำเร็จหรือความล้มเหลวขององค์กร (It is intangible assets that will make the difference in which firms succeed and which fail.)<br />
5. ขีดความสามารถเชิงกลยุทธ์ คือ ความพร้อมในปัจจุบันและความสามารถในการปรับตัวในอนาคต (Strategic capability is a readiness for the present and an ability to adapt in the future)<br />
ทุนมนุษย์ หมายถึง องค์ประกอบโดยรวมของความรู้ ทักษะ ค่านิยมและประสบการณ์ซึ่งจัดเป็นสมรรถนะและขีดความสามารถของกำลังคนในองค์กรนั้นๆ (The combined knowledge, skills, values and experience of a company employees – the collective competence and capabilities of a firm’s employees.) ดังนั้นในการบริหารทุนมนุษย์จะเกี่ยวข้องกับบุคคล เหล่านี้ ได้แก่ <br />
- ผู้ดูแลทุนมนุษย์ Human Capital Steward<br />
- ผู้อำนวยความรู้ Knowledge Facilitator <br />
- ผู้ประสานสัมพันธ์ Relationship Builder<br />
- มืออาชีพที่ฉับไว Rapid Deployment Specialist<br />
ข้อมูล DATA<br />
- ข้อมูลดิบที่ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการประเมินผล<br />
- กลุ่มของข้อมูลดิบที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน<br />
สารสนเทศ (Information )<br />
- ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลแล้ว<br />
- ผลรวมของข้อมูลที่มีความหมาย<br />
ความรู้ (Knowledge)<br />
ผลการขัดเกลาและเลือกใช้สารสนเทศโดยมีการจัดระบบ สร้างเป็นองค์ความรู้<br />
โดยที่ความรู้มี 2 ประเภท คือ<br />
- ความรู้ที่ฝังอยู่ในคน (Tacit Knowledge) เป็นความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ พรสวรรค์หรือสัญชาตญาณของแต่ละบุคคลในการทำความเข้าใจในสิ่งต่างๆ เป็นความรู้ที่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดหรือลายลักษณ์อักษรได้โดยง่าย เช่น ทักษะในการทำงาน งานฝีมือ หรือการคิดเชิงวิเคราะห์ บางครั้ง จึงเรียกว่าเป็นความรู้แบบนามธรรม<br />
- ความรู้ที่ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) เป็นความรู้ที่สามารถรวบรวม ถ่ายทอดได้ โดยผ่านวิธีต่างๆ เช่น การบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ทฤษฎี คู่มือต่างๆ และบางครั้งเรียกว่าเป็นความรู้แบบรูปธรรม<br />
ความเฉลียวฉลาด (Wisdom) การนำเอาความรู้ต่างๆมาบูรณาการเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการทำงานในสาขาวิชาต่างๆ<br />
เชาว์ปัญญา (Intilligent) ผลการปรับแต่งและความจดจำความเฉลียวฉลาดต่างๆ ซึ่งก่อให้เกิดความคิดที่ฉับไว<br />
การเรียนรู้เกิดจากการปฏิบัติ ดังเช่นโมเดลปลาทู KS เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ KM<br />
การจัดการความรู้<br />
การจัดการความรู้ประกอบด้วย กระบวนการหลัก ๆ ได้แก่ การค้นหาความรู้ การสร้างและแสวงหา ความรู้ใหม่ การจัดความรู้ให้เป็นระบบ การประมวลผลและกลั่นกรองความรู้ การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ สุดท้ายคือ การเรียนรู้ และเพื่อให้มีการนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร เครื่องมือหลากหลายประเภทถูกสร้างขึ้นมาเพื่อนำไปใช้ในการถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนความรู้ ซึ่งอาจแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ<br />
1. เครื่องมือที่ช่วยในการ “เข้าถึง” ความรู้ ซึ่งเหมาะสำหรับความรู้ประเภท Explicit <br />
2. เครื่องมือที่ช่วยในการ “ถ่ายทอด “ ความรู้ ซึ่งเหมาะสำหรับความรู้ประเภท Tacit ซึ่งต้องอาศัยการถ่ายทอด โดยปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเป็นหลัก<br />
ในบรรดาเครื่องมือดังกล่าวที่มีผู้นิยมใช้กันมากประเภทหนึ่งคือ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ หรือชุมชน นักปฏิบัติ (Community of Practice : CoP)<br />
กระบวนการจัดการความรู้ (Knowledge Management) เป็นกระบวนการที่จะช่วยให้เกิดพัฒนาการของความรู้ หรือการจัดการความรู้ที่จะเกิดขึ้นภายในองค์กร มีทั้งหมด 7 ขั้นตอน คือ <br />
1. การบ่งชี้ความรู้ เป็นการพิจารณาว่าองค์กรมีวิสัยทัศน์ พันธกิจ ยุทธศาสตร์ เป้าหมายคืออะไร และเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เราจำเป็นต้องใช้อะไร ขณะนี้เรามีความรู้อะไรบ้าง อยู่ในรูปแบบใด อยู่ที่ใคร <br />
2. การสร้างและแสวงหาความรู้ เช่นการสร้างความรู้ใหม่ แสวงหาความรู้จากภายนอก รักษาความรู้เก่า กำจัดความรู้ที่ใช้ไม่ได้แล้ว <br />
3. การจัดความรู้ให้เป็นระบบ เป็นการวางโครงสร้างความรู้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเก็บความรู้อย่างเป็นระบบในอนาคต <br />
4. การประมวลและกลั่นกรองความรู้ เช่น ปรับปรุงรูปแบบเอกสารให้เป็นมาตรฐาน ใช้ภาษาเดียวกัน ปรับปรุงเนื้อหาให้สมบูรณ์ <br />
5. การเข้าถึงความรู้ เป็นการทำให้ผู้ใช้ความรู้เข้าถึงความรู้ที่ต้องการได้ง่ายและสะดวก เช่น ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) Web board บอร์ดประชาสัมพันธ์ เป็นต้น<br />
6. การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ ทำได้หลายวิธีการ โดยกรณีเป็น Explicit Knowledge อาจจัดทำเป็นเอกสาร ฐานความรู้ เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือกรณีเป็น Tacit Knowledge จัดทำเป็นระบบ ทีมข้ามสายงาน กิจกรรมกลุ่มคุณภาพและนวัตกรรม ชุมชนแห่งการเรียนรู้ ระบบพี่เลี้ยง การสับเปลี่ยนงาน การยืมตัว เวทีแลกเปลี่ยนความรู้ เป็นต้น <br />
7. การเรียนรู้ ควรทำให้การเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของงาน เช่นเกิดระบบการเรียนรู้จากสร้างองค์ความรู้ การนำความรู้ในไปใช้ เกิดการเรียนรู้และประสบการณ์ใหม่ และหมุนเวียนต่อไปอย่างต่อเนื่อง <br />
หัวใจของการจัดการความรู้ <br />
มีผู้รู้ได้กล่าวถึง KM หลายแง่หลายมุมที่อาจรวบรวมมาชี้ธงคำตอบว่า หัวใจของ KM อยู่ที่ไหนได้ โดยอาจกล่าวเป็นลำดับขั้นหัวใจของ KM เหมือนกับลำดับขั้นของความต้องการ ( Hierarchy of needs ) ของ Mcgregor ได้ โดยเริ่มจากข้อสมมุติฐานแรกที่เป็นสากลที่ยอมรับทั่วไปว่าความรู้คือพลัง (DOPA KM Team)<br />
1. Knowledge is Power : ความรู้คือพลัง<br />
2. Successful knowledge transfer involves neither computers nor documents but rather in interactions between people. (Thomas H Davenport) : ความสำเร็จของการถ่ายทอดความรู้ไม่ใช่อยู่ที่คอมพิวเตอร์หรือเอกสาร แต่อยู่ที่การมีปฏิสัมพันธ์ ระหว่างคนด้วยกัน <br />
3. The great end of knowledge is not knowledge but action : จุดหมายปลายทางสำคัญ ของความรู้มิใช่ที่ตัวความรู้ แต่อยู่ที่การนำไปปฏิบัติ <br />
4. Now the definition of a manager is somebody who makes knowledge productive : นิยามใหม่ของผู้จัดการ คือ ผู้ซึ่งทำให้ความรู้ผลิตดอก<br />
การวิเคราะห์และสังเคราะห์ความรู้<br />
1. Capture การจัดการความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ<br />
2. Analysis วิเคราะห์ความรู้สึกที่จับได้<br />
3. Validation การตรวจสอบความถูกต้องของความรู้<br />
4. Modelling การสังเคราะห์ความรู้ให้เหมาะสมกับการใช้งาน<br />
การสร้างความรู้ Knowledge Creation (SEC) (อธิบายด้วยโมเดลน้ำแข็ง) การแบ่งปันแลกเปลี่ยนเรียนรู้(Knowledge Sharing)<br />
การจัดการความรู้โดยใช้โมเดลปลาทู <br />
"โมเดลปลาทู" เป็นโมเดลที่เปรียบการจัดการความรู้เป็น 3 ส่วนคือ <br />
หัวปลา (Knowledge Vision- KV) หมายถึง ส่วนที่เป็นเป้าหมาย วิสัยทัศน์ หรือทิศทางการจัดการความรู้ โดยจะต้องเป็นส่วนของผู้ดำเนินกิจกรรม KM ทั้งหมด โดยก่อนที่จะทำจัดการความรู้ ต้องตอบให้ได้ว่า “ เราจะทำ KM ไปเพื่ออะไร ?” โดย “ หัวปลา” นี้จะต้องเป็นของ “ คุณกิจ” หรือ ผู้ดำเนินกิจกรรม KM ทั้งหมด โดยมี “ คุณเอื้อ” และ “ คุณอำนวย” คอยช่วยเหลือ <br />
ตัวปลา (Knowledge Sharing-KS) หมายถึง ส่วนของการแลกเปลี่ยนความรู้ ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญ ซึ่ง “ คุณอำนวย” จะมีบทบาทมากในการช่วยกระตุ้นให้ “ คุณกิจ” มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ความรู้ โดยเฉพาะความรู้ซ่อนเร้นที่มีอยู่ในตัว “ คุณกิจ” พร้อมอำนวยให้เกิดบรรยากาศในการเรียนรู้แบบเป็นทีม ให้เกิดการหมุนเวียนความรู้ ยกระดับความรู้ และเกิดนวัตกรรม <br />
หางปลา (Knowledge Assets-KA) หมายถึง ส่วนของคลังความรู้ หรือ “ ขุมความรู้” ที่ได้จากการเก็บสะสม “ เกร็ดความรู้” ที่ได้จากกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “ ตัวปลา” ซึ่งเราอาจเก็บส่วนของ “ หางปลา” นี้ด้วยวิธีต่างๆ เช่น ICT ซึ่งเป็นการสกัดความรู้ที่ซ่อนเร้นให้เป็นความรู้ที่เด่นชัด นำไปเผยแพร่และแลกเปลี่ยนหมุนเวียนใช้ พร้อมยกระดับต่อไป <br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhK50afr-rvBZkcdV1Q5IWOKY31NdPwIUB3cNQPgAbHoPbaPNyWMwMcnfz90AmY3RdZS8xH040jnTqQorEPt6NwdELgfc_m1Wm-3vUnh7pQAJq7TqQimCTJEq-_KRfBcEERoZT-acYPy2XL/s1600/mfish1.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 180px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhK50afr-rvBZkcdV1Q5IWOKY31NdPwIUB3cNQPgAbHoPbaPNyWMwMcnfz90AmY3RdZS8xH040jnTqQorEPt6NwdELgfc_m1Wm-3vUnh7pQAJq7TqQimCTJEq-_KRfBcEERoZT-acYPy2XL/s320/mfish1.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5408795056251623458" /></a><br />
CoP(Community of Practice)<br />
ชุมชนนักปฏิบัติ คือ อะไร<br />
คือ ชุมชนที่มีการรวมตัวกัน หรือเชื่อมโยงกันอย่างไม่เป็นทางการ โดยมีลักษณะดังนี้ <br />
• ประสบปัญหาลักษณะเดียวกัน <br />
• มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน ต้องการแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากกันและกัน <br />
• มีเป้าหมายร่วมกัน มีความมุ่งมั่นร่วมกัน ที่จะพัฒนาวิธีการทำงานได้ดีขึ้น <br />
• วิธีปฏิบัติคล้ายกัน ใช้เครื่องมือ และภาษาเดียวกัน <br />
• มีความเชื่อ และยึดถือคุณค่าเดียวกัน <br />
• มีบทบาทในการสร้าง และใช้ความรู้ <br />
• มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากกันและกัน อาจจะพบกันด้วยตัวจริง หรือผ่านเทคโนโลยี <br />
• มีช่องทางเพื่อการไหลเวียนของความรู้ ทำให้ความรู้เข้าไปถึงผู้ที่ต้องการใช้ได้ง่าย <br />
• มีความร่วมมือช่วยเหลือ เพื่อพัฒนาและเรียนรู้จากสมาชิกด้วยกันเอง <br />
• มีปฏิสัมพันธ์ต่อเนื่อง มีวิธีการเพื่อเพิ่มความเข้มแข็งให้แก่สายในทางสังคม <br />
ทำให้เพิ่มพูนความรู้ที่ลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ ในระดับที่ง่ายที่สุด ชุมชนนักปฏิบัติ คือ คนกลุ่มเล็กๆ ซึ่งทำงานด้วยกันมาระยะหนึ่ง มีเป้าหมายร่วมกัน และต้องการที่จะแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์จากการทำงาน กลุ่มดังกล่าวมักจะไม่ได้เกิดจากการจัดตั้งโดยองค์การ เป็นกลุ่มที่เกิดจากความต้องการทางสังคม และความพยายามที่จะทำให้บรรลุผลสำเร็จ เป็นกลุ่มที่ไม่มีอำนาจ ไม่มีการกำหนดไว้ในแผนภูมิโครงสร้างองค์กร และอาจจะมีเป้าหมายที่ขัดแย้งกับผู้นำองค์กร ในหนึ่งองค์กรอาจจะมีชุมชนนักปฏิบัติจำนวนมาก และคนคนหนึ่งจะเป็นสมาชิกในหลายชุมชน ชุมชนนักปฏิบัติมีความสำคัญอย่างไร เครือข่ายความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นทางการ เกิดจากความใกล้ชิด ความพอใจ และพื้นฐานที่ใกล้เคียงกัน ลักษณะที่ไม่เป็นทางการจะเอื้อต่อการเรียนรู้ และการสร้างความรู้ใหม่ๆ มากกว่าโครงสร้างที่เป็นทางการ คำว่า ปฏิบัติ หรือ practice ใน CoP ชี้จุดเน้นที่ การเรียนรู้ซึ่งได้รับจากการทำงาน เป็นหลัก เป็นแง่มุมเชิงปฏิบัติ ปัญหาประจำวัน เครื่องมือใหม่ๆ พัฒนาการในเรื่องงาน วิธีการทำงานที่ได้ผล และไม่ได้ผล การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ทำให้เกิดการถ่ายทอดแลกเปลี่ยนความรู้ฝังลึก สร้างความรู้ และความเข้าใจได้มากกว่าการเรียนรู้ จากหนังสือ หรือการฝึกอบรมตามปกติ เครือข่ายที่ไม่เป็นทางการ ซึ่งมีสมาชิกจากต่างหน่วยงาน ช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จได้ดีกว่า การสื่อสารตามโครงสร้างที่เป็นทางการ ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับชุมชนนักปฏิบัติ <br />
อุปสรรคของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ <br />
- ไม่พูด ไม่คุย<br />
- ไม่เปิด ไม่รับ<br />
- ไม่ปรับ ไม่เรียน<br />
- ไม่เพียร ไม่ทำ<br />
คลังความรู้ (Knowledge Assets) ประกอบด้วย 3 ส่วน<br />
1.เรื่องเล่าหรือคำพูดที่เร้าใจ + 2. การถอดบทเรียนที่ได้ + 3. แหล่งข้อมูลบุคคลอ้างอิง<br />
(Tacit Knowledge) (Explicit Knowledge) (References)<br />
ข้อควรระวังในการทำ KS<br />
- ให้ share "เรื่องเล่า" ไม่ใช่ share "ความคิด"<br />
- เป็น Storytelling ไม่ใช่ Problem-solving ไม่ใช่ Planning<br />
- share แล้วต้อง Learn Learn แล้วต้อง Lead (นำ)<br />
...นำสู่การกระทำ<br />
...นำสู่ภาพที่ต้องการ<br />
แหล่งที่มา<br />
การบรรยายในชั้นเรียนของ อาจารย์อภิชาต<br />
http://www.dopa.go.th/iad/km/km_des.html<br />
http://www.suanprung.go.th/km/tuna.htmUnknownnoreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-5590447623530193202009-11-26T20:48:00.004+07:002009-12-05T15:39:54.712+07:00ใบงานครั้งที่ 1นักศึกษาฟังการบรรยายของอาจารย์ครั้งที่ 1 ให้นักศึกษาสรุปความหมายและความสำคัญพร้อมยกตัวอย่างกรณีศึกษาการจัดนวัตกรรมและสารสนเทศในสถานศึกษา<br />• (1) การจัดการ/การบริหาร •(2) นวัตกรรม • (3) เทคโนโลยีการศึกษา<br />• (4) ข้อมูล • (5) สารสนเทศ • (6) ระบบสารสนเทศ •(7) ระบบสารสนเทศเพื่อการศึกษา<br />• (8) การสื่อสาร • (9) เครือข่าย • (10) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร<br />• (11) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษา<br />ให้นักศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจากเว็ปบล็อก ใน Google.co.th <br /> <br />1. การจัดการ/การบริหาร<br /> คำว่า “การจัดการ” (Management) จะเน้นการปฏิบัติการให้เป็นไปตามนโยบาย (แผนที่วางไว้) ซึ่งนิยมใช้ในการจัดการธุรกิจ (Business management) <br /> คำว่า “การบริหาร” (Administration) จะใช้ในการบริหารระดับสูง โดยเน้นที่การกำหนดนโยบายที่สำคัญและการกำหนดแผนของผู้บริหารระดับสูง เป็นคำนิยมใช้ในการบริหารรัฐกิจ (Public Administration) หรือใช้ในหน่วยงานราชการ <br /> การบริหารจัดการ (Management) หมายถึงชุดของหน้าที่ต่างๆ (A set of functions) ที่กำหนดทิศทางในการใช้ทรัพยากรทั้งหลายอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายขององค์กร การบริหารจัดการ หมายถึง กระบวนการของการมุ่งสู่เป้าหมายขององค์กรจากการทำงานร่วมกัน โดยใช้บุคคลและทรัพยากรอื่นๆ หรือเป็นกระบวนการออกแบบและรักษาสภาพแวดล้อมที่บุคคลทำงานร่วมกันในกลุ่มให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ<br /> การบริหารจัดการจึงเป็นกระบวนการของกิจกรรมที่ต่อเนื่องและประสานงานกัน ซึ่งผู้บริหารต้องเข้ามาช่วยเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายขององค์กร อาทิเช่น การบริหารจัดการศึกษาภายในโรงเรียน ซึ่งได้แบ่งการบริหารจัดการออกเป็น 4 ฝ่าย ได้แก่ การบริหารงานวิชาการ การบริหารงานบุคคล การบริหารงานฝ่ายงบประมาณ และการบริหารงานทั่วไป เป็นต้น<br />2. นวัตกรรม <br /> “นวัตกรรม” (Innovation) มีรากศัพท์มาจาก innovare ในภาษาลาติน แปลว่า ทำสิ่งใหม่ขึ้นมา <br /> “นวัตกรรม” เป็นศัพท์บัญญัติของคณะกรรมการพิจารณาศัพท์วิชาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ โดยมาจากภาษาอังกฤษว่า Innovation มาจากคำกริยาว่า innovate แปลว่า ทำใหม่ เปลี่ยนแปลงให้เกิดสิ่งใหม่ ในภาษาไทยเดิมใช้คำว่า “นวกรรม” ต่อมาพบว่าคำนี้มีความหมายคลาดเคลื่อน จึงเปลี่ยนมาใช้คำว่า นวัตกรรม (อ่านว่า นะ วัด ตะ กำ) หมายถึงการนำสิ่งใหม่ๆ เข้ามาเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมจากวิธีการที่ทำอยู่เดิม เพื่อให้ใช้ได้ผลดี<br /> นวัตกรรม หมายถึง ความคิด การปฏิบัติหรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆโดยยังไม่เคยมีใช้มาก่อน หรือเป็นการพัฒนาดัดแปลงของเดิมที่มีอยู่แล้วให้ทันสมัย และได้ผลดียิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้การทำงานนั้นมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น เช่น เทคนิคการบริหารแบบต่างๆ เช่น การบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม การบริหารจัดการเชิงระบบ การบริหารจัดการโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน TopStar เป็นต้น เทคนิค/วิธีการสอนใหม่ๆ เช่น การสอนแบบบูรณาการ การสอนแบบโครงงาน เทคนิคการสอนคิดแบบหมวกหกใบ ฯลฯ สื่อ วัสดุอุปกรณ์ เทคโนโลยี ต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน บทเรียนคอมพิวเตอร์มัลติมีเดีย ฯลฯ<br /> "นวัตกรรมการศึกษา (Educational Innovation )" หมายถึง นวัตกรรมที่จะช่วยให้การศึกษา และการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ผู้เรียนสามารถเกิดการเรียนรู้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิผลสูงกว่าเดิม เกิดแรงจูงใจในการเรียนด้วยนวัตกรรมการศึกษา และประหยัดเวลาในการเรียนได้อีกด้วย ในปัจจุบันมีการใช้นวัตกรรมการศึกษามากมายหลายอย่าง ซึ่งมีทั้งนวัตกรรมที่ใช้กันอย่างแพร่หลายแล้ว และประเภทที่กำลังเผยแพร่ เช่น การเรียนการสอนที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Aids Instruction) การใช้แผ่นวิดีทัศน์เชิงโต้ตอบ (Interactive Video) สื่อหลายมิติ ( Hypermedia ) และอินเทอร์เน็ต [Internet] เป็นต้น <br />3. เทคโนโลยีการศึกษา<br /> เทคโนโลยี (Technology) มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก คือ Tech = Art ในภาษาอังกฤษ <br /> Logos = A study of <br /> ดังนั้น Technology = A study of art <br /> เทคโนโลยีการศึกษา หมายถึง การนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการพัฒนาและปฏิบัติงานทางด้านการศึกษาอย่างเป็นระบบ เช่นโสตทัศนูปกรณ์ประเภทต่างๆ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิค เป็นต้น<br />4. ข้อมูล <br /> ข้อมูล (Data) หมายถึง ข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์เกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ เช่น คน สถานที่ สิ่งของต่าง ๆ ซึ่งอยู่ในรูปแบบของตัวเลข ภาพ ตัวอักษร เสียง ภาพเคลื่อนไหว และสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น คะแนนสอบวิชาต่างๆ จำนวนครู จำนวนหนังสือ อัตราเงินเดือน จำนวนนักเรียนในโรงเรียน จำนวนครู ที่มีการเก็บรวบรวมเอาไว้ และสามารถเอามาใช้ประโยชน์ได้<br />5. สารสนเทศ<br /> สารสนเทศ (Information) หมายถึง ข้อมูลต่างๆ ที่ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงหรือมีการประมวลผลหรือวิเคราะห์สรุปผลด้วยวิธีการต่าง ๆเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจได้ง่าย โดยเก็บรวบรวมไว้ ในรูปที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ตามความต้องการ เช่น ระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ผลการประเมินคุณภาพของนักเรียนชั้นป.6 จากสทศ. หรือภาวะโภชนาการต่ำ-ปกติของนักเรียนเป็นต้น <br />6. ระบบสารสนเทศ <br /> ระบบสารสนเทศ (Information System) หมายถึง ชุดขององค์ประกอบที่ทำหน้าที่รวบรวม ประมวลผล จัดเก็บ และแจกจ่ายสารสนเทศ โดยอาศัยบุคคลและเทคโนโลยีสารสนเทศในการดำเนินการ เพื่อให้ได้สารสนเทศที่ เพื่อช่วยการตัดสินใจ และการควบคุมในองค์กรทั้งในระดับปฏิบัติการ ระดับกลาง และระดับสูง ในการทำงานของระบบสารสนเทศประกอบไปด้วยกิจกรรม 3 อย่าง คือ การนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ (Input) การประมวลผล (Processing) และ การนำเสนอผลลัพธ์ (Output) ระบบสารสนเทศอาจจะมีการสะท้อนกลับ (Feedback) เพื่อการประเมินและปรับปรุงข้อมูลนำเข้า ระบบสารสนเทศอาจจะเป็นระบบที่ประมวลด้วยมือ(Manual) หรือระบบที่ใช้คอมพิวเตอร์ก็ได้ <br /> 7. ระบบสารสนเทศเพื่อการศึกษา<br /> ระบบสารสนเทศเพื่อการศึกษา หมายถึง แนวทาง วิธีการ กระบวนการประมวลผลข้อมูลที่มีอยู่ให้อยู่ในรูปของข้อมูลที่เป็นประโยชน์สูงสุด เพื่อใช้ในการบริหารและการจัดการเรียนการสอน<br />8. การสื่อสาร<br /> การสื่อสาร (Communication) เป็นคำที่รากศัพท์มาจากภาษาลาตินว่า "communius" หมายถึง "พร้อมกัน" หรือ "ร่วมกัน" (common) หมายความว่า เมื่อมีการสื่อสารระหว่างกันเกิดขึ้น คนเราพยายามที่จะสร้าง "ความพร้อมกันหรือความร่วมกัน" ทางด้านความคิดเรื่องราวเหตุการณ์ ทัศนคติ ฯลฯ กับบุคคลที่เรากำลังสื่อสารด้วยนั้น <br /> การสื่อสาร (Communication) หมายถึง กระบวนการถ่ายทอดแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างบุคคลหนึ่ง (ผู้ส่งสาร) ไปยังบุคคลหนึ่ง (ผู้รับสาร) โดยผ่านสื่อต่าง ๆ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ การคิด (Ideating) การรับเข้า (Encoding) การถ่ายทอด (Transmitting) การรับ (Receiving) การส่งออก (Decoding) การปฏิบัติ (Acting) <br />9. เครือข่าย <br /> เครือข่าย (network) หมายถึง กลุ่มของคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สื่อสารชนิดต่าง ๆ ที่นำมาเชื่อมต่อกันเพื่อให้ผู้ใช้ในเครือข่าย สามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล และใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ร่วมกันในเครือข่ายได้ ตัวอย่างของเครือข่ายที่เราคุ้นเคย ได้แก่ เครือข่ายของโทรศัพท์ เครือข่ายดาวเทียม เครือข่ายวิทยุ หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยช่องทางที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกัน เรียกว่า ช่องสัญญาณ (communication channel) <br /> ระบบเครือข่ายจะถูกแบ่งออกตามขนาดของเครือข่าย ซึ่งปัจจุบันเครือข่ายมีอยู่ 3 แบบ ได้แก่<br /> - เครือข่ายภายใน หรือ แลน (Local Area Network: LAN) เป็นเครือข่ายที่ใช้ในการ เชื่อมโยงกันในพื้นที่ใกล้เคียงกัน เช่นอยู่ในห้อง หรือภายในอาคารเดียวกัน <br /> - เครือข่ายวงกว้าง หรือ แวน (Wide Area Network: WAN) เป็นเครือข่ายที่ใช้ในการ เชื่อมโยงกัน ในระยะทางที่ห่างไกล อาจจะเป็น กิโลเมตร หรือ หลาย ๆ กิโลเมตร <br /> - เครือข่ายของการติดต่อระหว่างไมโครคอนโทรลเลอร์ หรือ แคน (Controller area network) : CAN) เป็นเครือข่ายที่ใช้ติดต่อกันระหว่างไมโครคอนโทรลเลอร์ (Micro Controller unit: MCU) <br /> - เครือข่ายส่วนบุคคล หรือ แพน (Personal area network) : PAN) เป็นเครือข่ายไร้สาย <br /> 10. เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร <br /> เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หมายถึง เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล ข่าวสาร ภาพ ตัวเลข ซึ่งนำมารวบรวมเข้าด้วยกัน และนำไปเผยแพร่ในรูปต่างๆ<br /> 11. เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษา<br /> เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษา หมายถึง การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับงานด้านการศึกษา อันได้แก่ การจัดเก็บข้อมูล และประมวลผลฐานข้อมูล การพัฒนาระบบสารสนเทศช่วยการเรียนการสอน การวางแผนและการบริหารการศึกษา การวางแผนหลักสูตร การแนะแนวและบริการ การทดสอบวัดผล การพัฒนาบุคลากร <br /><br />*******************************************<br />แหล่งที่มา<br />http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=lean-357&date=18-08-2007&group=1&gblog=2<br />http://th.wikipedia.org/wiki<br />http://www.banprak-nfe.com/webboard/index.php?topic=40.0<br />http://www.nrru.ac.th/preelearning/rungrot/page01004.asp<br />http://www.thaigoodview.com/library/contest2551/tech02/08/2/webit/p3.html<br />http://blog.eduzones.com/dena/4892<br />http://ednet.kku.ac.th/~sumcha/212300/communication2.html<br />http://onzonde.multiply.com/journal/item/91/91<br />*******************************************<br />เกร็ดความรู้<br />Google ใช้ประโยชน์อะไรบ้าง <br />1. Google คิดเลขได้ เช่น 25+36= แล้วกด Enter (ได้ทั้ง + - * (คู ณ) / (หาร) )<br />2. Google คิดเลขยกกำลังได้ เช่น 2^3 เช่นเราอยากรู้ว่า 2 กำลัง 3 ได้เท่ากับเท่าไหร่ พิมพ์ 2 ตามด้วย "^"แล้วก็ 3<br />3. Google แปลภาษาได้ เพียงแค่ กด "แปลภาษา" ด้านบนเว็บ หรือพิมพ์ว่า google translate<br />4. Google maps อันนี้ เป็น แผนที่ประเทศไทย (มีทั้ง ไทย และ ประเทศอื่นๆ )<br />5. Google Gmail หรือ Google Mail เป็นบริการอีเมลล์ฟรีและมีขนาดพื้นที่เก็บเมลล์ใหญ่จุใจ<br />6. Google ทำให้เราสามารถสืบค้นข้อมูลได้ทุกอย่าง ทุกประเภท <br />7. Google จะเปลี่ยน logo ตามเทศกาล <br />8. Google ค้นหาภาพได้เยอะมากที่สุด<br />9. Google การหาแบบเฉพาะเจาะจง 55+ โดยการใช้ " " เช่น ถ้าเราต้องการค้นหาเกี่ยวกับโรงเรียนของเรา โรงเรียน"เลยพิทย์" เมื่อใช้เครื่องหมาย " " เราก็จะเจอแต่โรงเรียนนั้น <br />แหล่งที่มา<br />http://dek-d.com/board/view.php?id=1385834<br />http://www.daydev.com/seo/25-search-engine-optimize/78-google-searc-bar-performance.htmlUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-18842367510612516782009-11-21T13:50:00.000+07:002009-11-21T13:52:01.368+07:00ข้อคิดวันนี้เพียงจ้องมองบันไดยังไม่พอ เราต้องก้าวขึ้นบันไดด้วย<br />It is not enough to start up the steps. <br />We must step up the stare.<br /> จากการบรรยายของ อ.อภิชาติ วัชรพันธ์ 21/112552Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7135444318960610163.post-38897281113578299772009-11-21T12:40:00.000+07:002009-11-21T12:49:37.334+07:00คำคม ข้อคิด<span style="color:#cc6600;">คำคมจากท่านผู้หญิงนิรมล สุริยสัตย์</span><br /><span style="color:#993399;">1.จงเผชิญกับความจริงอย่างที่เป็นอยู่ มิใช่อย่างที่คุณอยากเป็น</span><br /><span style="color:#ff0000;">2.จริงใจกับทุกคน</span><br /><span style="color:#3366ff;">3.อย่าเป็นแค่นักบริหารแต่จงออกไปนำทัพ</span><br /><span style="color:#660000;">4.จงเปลี่ยนแปลงก่อนที่เหตุการณ์จะบังคับให้ต้องเปลี่ยน</span><br /><span style="color:#3333ff;">5.ถ้าท่านไม่มีจุดแข็ง หรือข้อได้เปรียบจงอย่าแข่งกับเขา</span><br /><span style="color:#009900;">6.จงคุมชะตาด้วยตนเองมิฉะนั้น ผู้อื่นจะมาคุมแทน</span><br /><span style="color:#ff6666;">แหล่งที่มา</span><br /><span style="color:#009900;"><a href="http://zayyes.com/index.php?topic=1594.0">http://zayyes.com/index.php?topic=1594.0</a></span>Unknownnoreply@blogger.com1